Message from the wilderness. Day 19/30, 2025 

       สวัสดีครับพี่ๆ น้องๆ ของผมทุกคนนี่ก็ผ่านมาถึงวันที่ 19 แล้ว รู้ตัวอีกทีก็เหลือแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้นที่จะมีการเรียนการสอนที่นี่ และนี่คงเป็นโรงเรียนสุดท้ายที่ เอลเดอร์ ดอน จะจัดขึ้นที่เสลาห์ แต่จะเปลี่ยนเป็นการสอนแบบอื่นแทน ได้ยินมาว่า ในปีหน้า เอลเดอร์ ดอนจะมาสอนพวกเราที่เมืองไทยด้วยตัวเองเลยนะครับ เตรียมตัวกันไว้ให้ดีเลยนะครับ พวกเราคงมีเรื่องให้ได้ช่วยกันจัดเตรียมและสร้างสถานที่ในที่ดินผืนใหม่กันแน่นอนครับ

       เอาหล่ะ ทราบมั้ยครับการ “กอดใครสักคนนานเป็นเวลา 20 วินาที ” ร่างกายของคนที่โดนกอดจะหลั่งสารความสุขออกมาได้เอง

       ช่วยให้ฮอร์โมนแห่งความผูกพันหรือออกซิโตซิน (Oxytocin) นั้นมีระดับสูงขึ้น ซึ่งทำให้ทั้งคนกอดและคนที่ถูกกอดมีภูมิต้านทานที่ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและความดัน แถมยังช่วยลดคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนแห่งความเครียดได้  นี่เป็นความยอดเยี่ยมที่ยาห์เวห์สร้างไว้ให้พวกเราครับ การเริ่มต้นจะช่วยเหลือหรือปลดปล่อยใครสักคนที่ง่ายที่สุดคือการกอดเขาให้นานพอที่เขาจะได้รับความสุข การเริ่มต้นฟังความทุกข์ใจก็เป็นที่จะช่วยเขาให้คลายทุกข์ลงได้อย่างง่ายดายมากๆ นี้เป็นเรื่องง่ายๆที่เราจะเกิดผลและเริ่มเรียนรู้ที่จักรักคนที่เราอาจจะไม่ได้สนิทด้วย อย่างง่ายๆ

       เมื่อวานหลังจากเราเรียนบทเรียนเรื่องผู้เชื่อแบบฟิลาเดลเฟียกันจบ เอลเดอร์ ดอน ก็ชวนเราให้ส่งการบ้านที่เคยสั่งไว้นั้นคือ คำถามที่ถามว่า “อะไรคือสิ่งที่เราต้องการจะเอาออกจากชีวิตของเรา”  เช่น   นิสัยแย่ๆบางอย่างๆ ความบาปที่ยังไม่ชนะ หรือ อุปกรณ์ที่ขวางเราไม่ให้ใช้เวลาอย่างถูกต้อง เช่น smart phone เป็นต้น หรือ อาจจะเป็นน้ำตาลที่ทำลายสุขภาพร่างกายและจิตใจ และสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือน “เสาเกลือ” ในชีวิตของเราที่ฝังติดแน่นคงกระพันอยู่ในชีวิตของเราดุจเสาเกลือ เหมือน ภรรยาของโลท และเอลเดอร์ ดอนให้เรา เขียนมันลงกระดาษ แล้วให้เอาไปใส่ในกล่อง เพื่อจะนำไปเผาในสัปดาห์หน้ากันครับ พี่น้องคนไทยท่านไหนอยากฝากผมเขียนลงไปในถังก็สามารถพิมพ์มาส่วนตัวได้น่ะครับ ผมจะเขียนมันลงไปให้ และเผาไปพร้อมกันในสัปดาห์หน้า ( Perophetic act สุด 555)

       คำถามที่น่าสนใจคือ เรามีอะไรในชีวิตที่เป็นเสาเกลือของเราบ้างครับ  เรามีเวลามองชีวิตตัวเองมากน้อยเพียงใด เรากล้ามองชีวิตตัวเองและยอมรับความจริงมากน้อยเพียงใด นี่คือ เส้นทางแห่งการชนะของผู้ที่ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อครับ การรับผิดชอบต่อความบาปของตัวเอง เป็น 1 ในหนทางเอาชนะความรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อ เพราะเราจะเลิกโทษคนอื่น และแม้แต่ตัวเราเอง เราก็ไม่ได้จะเอาผิดให้ตายกันไปข้างนึง แต่เป็นเพียงการค้นพบสาเหตุที่ทำให้เราต้องตกอยู่ในสถานการณ์แย่ๆเท่านั้น เราเพียงยอมรับและเรียนรู้ว่าทุกสิ่งเกิดจากการตัดสินใจของเรา และเราเลือกมันเอง วันนี้เราแค่ต้องยอมรับเพื่อนำไปสู่การแก้ไขในที่สุด ครับ

       จากประสบการณ์ของผม เคสที่ช่วยเหลือยากที่สุดคือ เคสของคนที่ไม่กล้ายอมรับในความผิดพลาดของตัวเองหรือแม้กระทั่งจะกล้ามองความผิดพลาดของตัวเองก็ยังยาก เพราะเขายังไม่พร้อมรับต่อความผิดหวังต่อตัวเอง อย่างไรก็ดี เขาเพียงแต่มีความเชื่อผิดๆ อย่างหนึ่งนั้นคือ  “ความเชื่อว่า เมื่อเขาผิดจะไม่มีใครให้อภัย” สิ่งนั้นไม่จริงเลย มนุษย์เราในบรรดาผู้ที่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระยาห์เวห์ หรือแม้แต่คนทั่วไปที่รักเราจริงๆ ส่วนใหญ่พร้อมให้อภัยเสมอ เพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าใคร แน่ยิ่งไปกว่านั้นพระยาห์เวห์ พระองค์สัญญาว่าเมื่อเราสารภาพความผิดของเราพระองค์จะไม่จดจำความผิดของเราอีกต่อไป และเราไม่จำเป็นต้องขังตัวเองอยู่กับความผิด หรือความผิดหวังเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

       “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น”
1 ยอห์น 1:9 THSV11

       และวิญญาณที่อันตรายมากๆ คือ วิญญาณที่ชื่อว่า “ เชื่อว่าตัวเองชอบธรรม ” หรือ Self Righteousness “ วิญญาณตัวนี้จะบังตาเราไม่ให้เห็นหรือยอมรับความผิดของตัวเองครับ คอยแต่จะมองหาความผิดของคนอื่นตลอดเวลา

“อย่าพิพากษา เพื่อพระเจ้าจะไม่ทรงพิพากษาท่านทั้งหลาย เพราะว่าพวกท่านจะพิพากษาผู้อื่นอย่างไร พระเจ้าจะทรงพิพากษาท่านอย่างนั้น และท่านทั้งหลายจะตวงให้ผู้อื่นด้วยทะนานอันใด พระเจ้าจะทรงตวงให้พวกท่านด้วยทะนานอันนั้น ทำไมท่านมองเห็นผงในตาพี่น้องของท่าน แต่กลับมองไม่เห็นไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่าน? ท่านจะกล่าวกับพี่น้องได้อย่างไรว่า ‘ให้ฉันเขี่ยผงออกจากตาของเธอ?’ ทั้งๆ ที่มีไม้ทั้งท่อนอยู่ในตาของท่านเอง คนหน้าซื่อใจคด จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของท่านก่อน แล้วท่านจะเห็นได้ถนัด จึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้องของท่านได้”
มัทธิว 7:1-5 THSV11

       และทราบมั้ยครับบาปที่ไม่สามารถให้อภัยได้คือ ”บาปที่เราไม่กลับใจนั่นเอง“ นี่เลยเป็นวิญญาณที่น่ากลัวที่สุด แต่ไม่เกินกว่าที่เราจะต่อสู้มันได้ครับ เพียงแต่เรากล้าเขามาหาพระยาห์เวห์ถ่อมลงและสารภาพ ยอมรับมัน โดยเชื่อว่า ไม่ว่าบาปแบบไหน ยาห์ชัว ก็ได้ทรง ชำระค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากเราให้หมดแล้ว แค่เชื่อครับ  และวางใจ และเมื่อเราเชื่อ วางใจ  ก็จงมีการกระทำตามมาคือ เปิดโอกาสให้พระวิญญาณที่อยู่ภายในเรา นำทางเราใหม่อีกครั้ง และเราเพียงแค่เชื่อฟังเดินตามเท่านั้น ไม่สงสัย นั่นคือธรรมชาติใหม่ที่จะค่อยๆเกิดขึ้นให้ผู้เชื่อที่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างแท้จริง และจะตามมาด้วยผลพระวิญญาณทั้ง 9 อย่างที่ดีขึ้นเรื่อยๆนั่นเอง ครับ

ขอพระยาห์เวห์ช่วยให้เราทุกคนเปลี่ยนแปลงและเกิดผลในทุกๆ วันนะครับ

ชาโลม

เอลเดอร์ โป้ง

Post Info

Latest Posts

Share!!

ขออภัยในความผิดพลาด ทางเราได้ทำการแก้ไขการจัดเรียนหน้าในหนังสือ The gates of hell shall not prevail against her ให้ถูกต้องแล้ว

X