
สวัสดีครับพี่น้องชาวไทยวันที่วันที่ 20 แล้วครับใกล้ได้กลับประเทศไทยแล้วขอบคุณที่คนติดตามอ่านบทความอยู่ในทุกๆ วันนะครับ วันนี้ผมเพิ่งได้เห็นข่าวว่าที่ Petra มีน้ำท่วมใหญ่เมื่อ 4 วันก่อน แบบน้ำไหลเป็นน้ำตกเลย ก็ทำให้นึกถึงว่าวันที่เราถูกรับมาอยู่กันในถิ่นทุรกันดารเสลาห์แล้วพระสัญญาของยาห์เวห์ที่บอกว่าจะให้น้ำไหลออกมาจากซอกหินนี้ไม่เกินจริงเลยนะครับ และอีกมุมนึงก็เห็นจริงๆว่าการปกป้องจากยาห์เวห์จะหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะในวันที่ 4 พ.ค. นั้นที่โรงเรียน เต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ และเย็นสบายเหมือนอยู่ทางเหนือของเวียดนามที่อุดมสมบูรณ์เลยครับ ในวันที่ อิสราเอลมีไฟป่าและพายุทะเลทราย ทางตอนใต้ของจอร์แดนมีน้ำท่วมต้องอพยพคนแต่ที่พวกเราอยู่กลับเหมือนสวนสวรรค์ อากาศเย็นสบายสดชื่นมากๆ นี่คือ อัศจรรย์มากๆ เลยครับ และเมื่อวานเรายังเห็นสายรุ้งบนท้องฟ้าในช่วงทานข้าวเย็นอีกด้วย ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะเห็นรุ้งกลางถิ่นทุรกันดารจริงมั้ยครับ
เอาหละครับมาถึงเรื่องราวดีๆ ที่ผมนำมาแบ่งปันสำหรับวันนี้กันดีกว่าครับ วันนี้จะขอพูดเรื่อง “ทำไมเราต้องเดินเข้าสู่ถิ่นทุรกันดาร” ให้เรามาอ่านพระคำตอนนี้กันดูก่อนครับ
“ท่านจงระวังตัว เกรงว่าจะลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน โดยไม่รักษาพระบัญญัติกฎหมายและกฎเกณฑ์ของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ เกรงว่า เมื่อท่านได้รับประทานจนอิ่ม ได้สร้างบ้านดีๆ และได้อาศัยอยู่ในนั้น และเมื่อฝูงโคและฝูงแพะแกะของท่านทวีจำนวนขึ้น เงินทองของท่านทวีมากขึ้น และทุกสิ่งที่ท่านมีอยู่ก็ทวีขึ้น แล้วใจของท่านจะผยองขึ้น และลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านผู้ทรงนำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์ คือออกจากแดนทาส ผู้ทรงนำท่านมาตลอดถิ่นทุรกันดารใหญ่น่ากลัว ซึ่งมีงูแมวเซาและแมงป่องและดินแห้งแล้งไม่มีน้ำ ผู้ประทานน้ำจากหินแข็งแก่ท่าน ผู้ทรงเลี้ยงท่านด้วยมานาในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งบรรพบุรุษของท่านไม่รู้จัก เพื่อพระองค์จะทรงทำให้ท่านถ่อมใจและทรงทดสอบท่าน เพื่อทำให้เกิดประโยชน์แก่ท่านในบั้นปลาย จงระวังให้ดีเกรงว่าท่านจะนึกในใจว่า ‘กำลังและเรี่ยวแรงของข้านำทรัพย์มีค่านี้มาให้ข้า’ ท่านจงระลึกถึงพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานกำลังแก่ท่านที่จะได้ทรัพย์สมบัตินี้ เพื่อพระองค์จะทรงดำรงพันธสัญญาซึ่งทรงปฏิญาณต่อบรรพบุรุษของท่าน ดังวันนี้”
เฉลยธรรมบัญญัติ 8:11-18 THSV11
มีคำกล่าวไว้จาก เอลเดอร์ ดอน ว่า “ถิ่นทุรกันดารคือประตูสู่แผ่นดินพันธสัญญา” คำกล่าวนี้จริงมากๆ ครับ
ถิ่นทุรกันดาร ไม่ใช่ทะเลทรายหรือแผ่นดินแห้งแล้งอย่างเดียว แต่เมื่อมองลึกลงไป ถิ่นทุรกันดารคือ ความจำกัดทุกรูปแบบ คือ สถานการณ์ที่เราจำเป็นต้องพึ่งยาห์เวห์เท่านั้น และในเมื่อเราพึ่งพายาห์เวห์ เราจะได้พบพระองค์ ในทะเลทรายเราสามารถสร้างบ้านดีๆได้ครับ ในถิ่นทุรกันดารเราสามารถมีสิ่งอำนวยความสะดวกได้ครับ แต่ถ้าเรายอมรับต่อสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมที่อยู่ในสภาพจำกัด เราจะเข้าถึงความหมายที่แท้จริงของถิ่นทุรกันดารได้ดีขึ้น ผมไม่ได้หมายถึง เราไม่ต้องออกจากเมืองนะครับ เพราะถ้าเรายังอยู่ในเมืองเราคงห่างไกลจากความหมายของถิ่นทุรกันดารเข้าไปอีก แต่ผมหมายถึง การมองเห็นคุณค่าของถิ่นทุรกันดารให้ตรงเป้าหมายที่ยาห์เวห์พยายามนำเสนอให้เราเห็นครับ เพราะเราเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายไว้รอในถิ่นทุรกันดารได้ แต่สิ่งเหล่านั้นอาจบดบังจุดประสงค์ที่แท้จริงของการที่พระยาห์เวห์นำเราสู่ถิ่นทุรกันดารได้
เรามีเครื่องซักผ้า เรามีรถยนตร์ เรามีโทรศัพท์ มีสิ่งอำนวยความสะดวก ติดตัวมาด้วยแต่คนในถิ่นทุรกันดารในยุคของโมเสส หรือ ผู้เชื่อในยุคแรก ที่อาศัยตามภูเขาอันไกลโพ้น ถูกข่มเห่ง พวกเขานอนในเต็นท์ ต้องเจอกับแมงป่อง ตะขาบ งู ตุ๊กแก ทุกวัน พวกเขาซักผ้าด้วยมือ เป็นชั่วโมงๆ พวกเขาหาอาหารมาด้วยความยากลำบาก จุดไฟปรุงอาหารด้วยฟืน พวกเขาเรียนรู้ความจำกัดและความลำบากจนไปสู่การซาบซึ้งในการช่วยเหลือของพระยาห์เวห์ มากๆ ในแต่ล่ะวัน และเมื่อวันที่เขา เข้าสู่วันที่พระสัญญาเป็นจริง เขาจะซาบซึ้งมากแค่ไหนครับ แต่กับพวกเราที่ยังคงมีชีวิตที่สบายแทบไม่ได้ต่างจากตอนอยู่ในเมือง เราไม่ได้พบพระยาห์เวห์ในถิ่นทุรกันดารแน่นอนครับ
ผมเพียงอยากชี้ให้เห็นความสำคัญของ ความจำกัดที่พระยาห์เวห์ ประทานให้เราครับ บางทีเรากังวลมากไปจนเราไม่กล้าออกจากบาบิโลน นั่นเพราะกลัวลำบาก เราเตรียมๆ เราสะสมๆ ให้พอที่จะสบายใจก่อน แต่ลองพิจารณาดูดีๆ สิ่งที่เรากำลังตั้งเป้าหมาย อาจจะตรงข้ามกับจุดประสงค์ที่พระยาห์เวห์อยากให้เราเข้ามาสู่ถิ่นทุรกันดารเลย ราวฟ้ากับเหวเลยก็ได้ หากเราจะทบทวนดูในข้อพระคำข้างต้นให้ดีพอ เราก็เข้าใจและคลายความกังวลลงไปได้มากเลยครับ เราจะเปลี่ยนนจากความกังวลเป็นความวางใจ และความตื่นเต้นที่เราจะได้พึ่งพาพระยาห์เวห์ ได้มากขึ้น ที่เราจะอดทนได้เก่งขึ้นที่เราถ่อมลงได้มากขึ้น ที่สำคัญเราจะใกล้ชิดพระองค์มากขึ้น เพราะความหมายที่แท้จริงของคำว่า “บริสุทธิ์” คือการเข้ามาใกล้พระยาห์เวห์ นั่นเองครับ
ดังนั้นหากพระยาห์เวห์นำเราชัดเจนว่าให้ออก เราเพียงแค่เตรียมสิ่งทางกายภาพให้ดีที่สุดก็พอครับ และจากประสบการณ์ส่วนใหญ่ของผมจะเป็นการตัดทิ้งมากกว่าซื้อเพิ่ม เป็นเปลี่ยนแปลงมากกว่าการเพิ่มพูน และเราจะเริ่มเข้าสู่การเรียนรู้สิ่งใหม่ที่น่าตื่นเต้นในอาณาจักรของพระยาห์เวห์ครับ เพราะคำถามที่สำคัญคือ “ถ้าเราไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รถยนต์ โทรศัพท์ หม้อหุงข้าว ไม่มีแอร์ ถ้าเราต้องนอนในที่มีสัตว์เลื้อยคลายอยู่ใกล้ๆ กลางวันร้อน กลางคืนหนาว เราจะอยู่ได้ไหม” นี่เป็นคำถามจาก เอลเดอร์ ดอน ครับ ที่เราควรจะตอบตัวเองทุกวัน ผมเองนั่งมองวิวทะเลทรายทุกวัน ก็เกิดคำถามในใจทุกวันเช่นกันว่า “พวกเขาอยู่กันในนี้ได้อย่างไร ตัวเปล่าๆ นอนในเต็นท์ นาน 40 ปี และในที่สุด มีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับอนุญาตให้เขาแผ่นดินพันธสัญญา ขอย้ำคำถามอีกครั้งนะครับ
“ถ้าเราไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รถยนต์ โทรศัพท์ หม้อหุงข้าว ไม่มีแอร์ ถ้าเราต้องนอนในที่มีสัตว์เลื้อยคลายอยู่ใกล้ๆ กลางวันร้อน กลางคืนหนาว เราจะอยู่ได้ไหม”
และเอลเดอร์ ดอน บอกว่า ในถิ่นทุรกันดาร ที่ซีนาย อิสราเอลไม่มีสิ่งอำนวยความสบายใดๆเลย ความสุขเดียวของพวกเขาคือ “พระยาห์เวห์“ นั้นแหละครับจุดประสงค์ของถิ่นทุรกันดารที่แท้จริง
ชาโลม
เอลเดอร์ โป้ง
Congregation of YHWH, Thailand ชุมชนของพระยาห์เวห์ แห่งประเทศไทย
ขออภัยในความผิดพลาด ทางเราได้ทำการแก้ไขการจัดเรียนหน้าในหนังสือ The gates of hell shall not prevail against her ให้ถูกต้องแล้ว