Menu
(TH) สวัสดีครับทุกคนวันนี้เราเดินทางออกมาจากเสลาห์ แล้วเข้าพักที่อัมมาน ออกมาแต่เช้าเลยครับก็ใจหายมากๆเลยครับแต่อีกใจก็อยากกลับไปประเทศไทยและมีหลายอย่างต้องช่วยกันทำ เมื่อวานก็ไม่ได้มีเวลาพิมพ์บทความ เพราะมัวแต่เก็บกระเป๋าอยู่ครับ วันนี้เลย จะเพิ่มให้ สองบทความเหมือนเดิมที่เคยทำนะครับ
มาถึงเรื่องราวที่ผมอยากแบ่งปันกันนะครับ คลาสเรียนสุดท้าย เอลเดอร์ ดอน สรุปทั้งหมดที่เรามาเรียนให้อีกครั้งซึ่งดีมากๆ และมีข้อพระคำสรุปให้ข้อหนึ่งคือ
“เพราะถ้าเธอเงียบอยู่ในเวลานี้ ความช่วยเหลือและการช่วยกู้จะมาถึงพวกยิวจากที่อื่น แต่เธอและครัวเรือนบิดาของเธอจะพินาศ ที่จริงเธอมารับตำแหน่งราชินีก็เพื่อยามวิกฤตเช่นนี้ก็เป็นได้นะ ใครจะรู้””
เอสเธอร์ 4:14 THSV11
นี้คือข้อความจาก โมรเดคัย ถึง เอสเธอร์ ในยามวิกฤต เพื่อกระตุ้นเอสเธอร์ถึงภาระกิจสำคัญที่มีเพียงเธอเท่านั้นในยามนี้ที่จะช่วยประชากรอิสราเอลได้ ซึ่งข้อความนี้ สะท้อนและสะเทือนเราทุกคนมากๆ นะครับ เอลเดอร์ ดอน บอกว่าเราก็เหมือน เอสเธอร์ ที่ถูกเรียกมาให้ทำหน้าที่สำคัญ และในยามที่โลกกำลังวิกฤตเช่นนี้ผู้คนและสภาพสังคมเข้าใกล้ยุคของโนอาห์มากๆ เราคือทูต ที่เป็นตัวแทนของพระยาห์เวห์ ในการนำผู้คนขึ้นเรือโนอาห์ให้ได้มากที่สุด และรวมถึงตัวเราเองด้วยนะครับ และถ้าเรายังเงียบ เรายังไม่ลุกขึ้นฉายแสง ไม่เกิดผล การทรงเรียกนี้จะย้ายไปอยู่ที่คนอื่น นี่คือ มุมมองของพระคัมภีร์ ครับ บางคนอาจมองว่า ทำไมดูใจร้าย ทำไมดูไม่เมตตาเลย แค่ยังไม่ทำหรือไม่ทำบางเรื่อง ถึงกับย้ายการทรงเรียกเลยเหรอ คำตอบคือ “ใช่แล้วครับ” มีพระคำมากมายหลายตอนที่แสดงให้เราเห็นการทำงานร่วมกับพระยาห์เวห์ ว่าพระองค์มีมุมมองอย่างไร
บัตรเชิญกำลังถูกส่งออกไปถึงผู้คนมากมายและรวมถึงเราครับ ทีนี้อยู่ที่เราที่จะรับการเชิญของพระยาห์เวห์หรือไม่ อันนี้เราเลือกได้ แต่ก็ต้องรับผลจากสิ่งที่เราเลือกนะครับ เราทุกคนทุกกำหนดไว้ให้มีบทบาทที่แตกต่างกันครับ
จนบางคนเข้าใจผิดว่า เราไม่ต้องตัดสินใจอะไรเพราะ ยาห์เวห์ทรงกำหนดไว้แล้ว แต่นั่นคือความเข้าใจผิดนะครับ เราถูกกำหนดไว้แล้วครับ การทดสอบ การทดลอง ถูกกำหนดโดนยาห์เวห์ จริงครับ แต่การตอบสนอง การเลือกที่นะตัดสินใจ เป็นของเรา เหมือน ยูดาส ที่แม้เขาจะเป็นคนทรยศ แต่เขาสามารถกลับใจได้ เขาสามารถที่จะก้มหน้ายอมรับผิด และขอพระเมตตาในการให้อภัยและโอกาสในการรับใช้ต่อ แต่เนื่องจาก เขาไม่ยอมจำนนต่อพระยาห์เวห์ อย่างแท้จริง ไม่ได้ถ่อมพอจะรับพระเมตตา และเรียนรู้ในความอ่อนแอของตัวเอง เขาจึงเลือก ตัดสินลงโทษตัวเอง แทนที่จะยอมรับการตัดสินจากพระยาห์เวห์ คือรับเมตตาจากพระองค์ ยูดาสเลยล้มลงและสูญเสียชีวิตนิรันดร์ไป แต่กลับกัน กับในกรณีของเปโตรที่ถ้าเราพิจารณาดูดีๆ ก็ทำพลาดไม่ต่างกันกับยูดาส เปรโตก็ได้ชื่อว่าเป็นคนทรยศหักหลังยาห์เวห์ เช่นกัน เขาปฏิเสธพระองค์ ถึง สามครั้ง เอาตัวรอด อย่างไม่น่าให้อภัย แต่นี้คือตัวอย่าง ของผู้ที่ยอมจำนนต่อพระยาห์เวห์ ครับ เปโตร เลือกยอมรับความผิด และรอน้ำพระทัยพระยาห์เวห์ ว่าจะมีพระเมตตาต่อเขาอย่างไร และในที่สุด เปโตร ก็รับพระเมตตาจากยาห์ชัว อีกครั้งแต่ เขาทำมันอย่างเต็มกำลังคือการดูแลแกะให้ยาห์ชัว และเขาถวายชีวิตของเขาเพื่อตอบแทนพระเมตตาครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ในการปกป้อง พี่น้องในความเชื่อด้วยชีวิต
ทำให้เราเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนน่ะครับ และทำให้เราเข้าใจเรื่อง Predestination ว่าแม้เราถูกกำหนด แต่เราเลือกได้ครับว่าเราจะมีจุดจบอย่างไร ? นั่นคือความหมายของ ต้นไม้แห่งความรู้สึกผิดชอบชั่วดีืที่ยังคงอยู่กับเราจนทุกวันนี้ เราเลือกจะเป็นคนใหม่ได้ แล้วเราได้เลือกมันมั้ย? พระยาห์เวห์ มีพระเมตตาให้เราเสมอ จนวาระสุดท้าย แล้วเราได้รับเอาไว้มั้ย? พระยาห์เวห์ มีน้ำพระทัยสูงสุดในชีวิตเรา แล้วเราได้คว้าเอาไว้หรือไม่?
แม้เราถูกกำหนดไว้แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการเลือกของเราอยู่ดีนั่นคือ Free will ครับ และแน่นอนถ้าเราปฏิเสธ พระยาห์เวห์ ก็มีแผนสำรองเสมอ เพราะพระองค์ชนะแน่นอน และชนะไปแล้ว เหลือเพียงเราที่จะเข้าร่วมกับฝ่ายที่ถูกกำหนดมาให้ชนะหรือไม่? นั่นคือความหมายของอุปมาอุปมัย เรื่องงานเลี้ยงอภิเษกสมรสครับ
“แล้วทรงใช้พวกบ่าวไปเชิญคนทั้งหลายที่ได้รับเชิญให้มางานอภิเษกสมรสนี้ แต่พวกเขาไม่อยากจะมา พระองค์จึงทรงใช้บ่าวอื่นๆ ไปอีก มีรับสั่งให้บอกผู้รับเชิญเหล่านั้นว่า ‘นี่แน่ะ เราเตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว ทั้งวัวและลูกวัวอ้วนของเราก็ฆ่าไว้แล้ว ทุกอย่างก็เตรียมพร้อมแล้ว เชิญมาในงานเลี้ยงอภิเษกสมรสนี้เถิด’ แต่เขาทั้งหลายเพิกเฉยและเดินจากไป บางคนไปไร่นาของตน บางคนก็ไปค้าขาย พวกที่เหลือก็จับบ่าวมาทำการอัปยศต่างๆ แล้วฆ่าเสีย กษัตริย์องค์นั้นก็กริ้ว จึงมีรับสั่งให้กองทหารไปฆ่าฆาตกรเหล่านั้น และเผาเมืองของพวกเขา แล้วพระองค์มีรับสั่งกับพวกบ่าวว่า ‘งานอภิเษกสมรสเตรียมพร้อมแล้ว แต่พวกที่ได้รับเชิญนั้นไม่คู่ควร เพราะฉะนั้นจงออกไปตามถนนสำคัญๆ ต่างๆ เชิญทุกคนที่พวกเจ้าพบมาร่วมงานอภิเษกสมรสนี้’ บ่าวจึงออกไปตามถนนต่างๆ และรวบรวมทุกคนที่พบ ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนเลวจนห้องโถงงานอภิเษกสมรสนั้นเต็มไปด้วยแขก “แต่เมื่อกษัตริย์องค์นั้นเสด็จไปทอดพระเนตรแขกทั้งหลาย ก็ทอดพระเนตรเห็นคนหนึ่งไม่ได้สวมเสื้อสำหรับงานอภิเษกสมรส จึงตรัสถามว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ทำไมท่านมาที่นี่โดยไม่สวมเสื้อสำหรับงานอภิเษกสมรส?’ คนนั้นก็นิ่งอั้นอยู่พูดไม่ออก กษัตริย์จึงมีรับสั่งกับพวกคนรับใช้ว่า ‘จงมัดมือมัดเท้าคนนี้เอาไปโยนทิ้งบริเวณที่มืดข้างนอก ซึ่งเป็นที่มีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน’ เพราะว่าคนที่ได้รับเชิญก็มีมาก แต่คนที่ได้รับการทรงเลือกก็มีน้อย””
มัทธิว 22:3-14 THSV11
เราบางคนอาจจะเป็นคนที่เพิกเฉย บางคนอาจเป็นคนที่อยู่ตามถนน ขาพิการแต่รับการทรงเรียก และแม้เรารับการทรงเรียก เข้ามาให้งานเลี้ยงอภิเษกสมรส แต่เราไม่เตรียมตัว คือ ความหมายของการแต่งตัวให้เหมาะสมกับ หน้าที่ กับสถานะ
เราก็ถูกปฏิเสธในที่สุดอยู่ดี เราทุกคนมีโอกาส เท่าๆกันครับ เรามี 24 ชม เหมือนกันความจำกัดพอๆ กัน เรามีสิทธิรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เหมือนกัน เรามีโอกาสเรียนรู้จากพระองค์เท่ากัน แต่เราเกิดผลได้แตกต่างกัน นั่นเพราะเราเลือกเองครับ เลยอยากหนุนใจทุกคนให้ทบทวนชีวิต และหันมาตอบรับการ ทรงเรียก เพื่อเป็นผู้ที่พระองค์ทรงเลือกในที่สุด และรักษาสถานะนี้ไว้จนถึงที่สุดนะครับ ใครที่เคยพลาดก็หาทางกลับมาเริ่มใหม่นะครับ ประตูยังไม่ปิด ขอพระยาห์เวห์เสริมกำลังทุกคนครับ
ชาโลม
เอลเดอร์ โป้ง
ปล. ผมมีข่าวดี คือ เอลเดอร์ ดอน และ เอลเดอร์ ทั้ง 5 ท่าน ได้ตัดสินใจ วางมือ สถาปนา พี่โอ๊ตของเรา ให้เป็น Deacon เพื่อช่วยงานในประเทศไทยนะครับ นั่นแปลว่าตอนนี้เรามี Deacon ถึง 3 คนแล้ว เพื่อร่วมงานกับผม ผมเชื่อแน่ว่าจะช่วยพี่น้องได้มากขึ้นเช่นกัน ขอแสดงความยินดีกับ Deacon โอ๊ตไว้ ณ ทีนี้ด้วยครับผม
(EN) Hello everyone, today we left Selah and stayed in Amman. We left early in the morning and felt very sad, but on the other hand, we wanted to go back to Thailand and there were many things we had to do together. Yesterday, I didn’t have time to type the article because I was busy packing my bags. Today, I will add two more articles like I used to.
Now, let’s get to the story I want to share. In the last class, Elder Don summarized everything we learned again, which was very good. He gave us one scripture that summarized it:
“For if you are completely silent at this time, relief and deliverance shall rise up to the Jews from another place, but you and your father’s house shall perish. And who knows if you have attained to the kingdom for such a time as this?”
Esther 4:14
This is a message from Mordecai to Esther at a time of crisis, to encourage Esther about the important mission that only she can do at this time to help the people of Israel. This message resonates and moves all of us very much. Elder Don said that we are like Esther, who were called to do an important duty. And in this time of crisis, people and society are very close to Noah’s era. We are the ambassadors representing Yahweh to bring as many people as possible onto Noah’s ark, including ourselves. And if we remain silent, we do not rise up to shine, do not produce results, this calling will be transferred to others. This is the perspective of the Bible. Some people may think, why does it seem cruel, why does it seem unkind? Just because we have not done or not done some things, does it change the calling? The answer is, “Yes, it is.” There are many passages of Scripture that show us how to work together with Yahweh, what is his perspective?
The invitations are being sent out to many people, including us. Now, it is up to us whether to accept Yahweh’s invitation or not. This is our choice, but we must accept the consequences of our choices. We are all destined to have different roles.
But some people misunderstand that we do not have to make any decisions because Yahweh has already destined them. But that is a misunderstanding. We are already destined. The tests, the trials, are destined by Yahweh. It is true, but the response, the choice, the decision is ours. It is like Judas, even though he was a traitor, he was able to repent. He was able to bow his head and admit his mistakes. And ask for mercy to forgive and the opportunity to continue serving. But because he did not truly surrender to Yahweh, was not humble enough to receive mercy, and learned from his own weaknesses, he chose to punish himself instead of accepting Yahweh’s judgment, which is receiving mercy from Him. Judas fell and lost eternal life. But on the contrary, in the case of Peter, if we consider it carefully, he made the same mistake as Judas. Peter was also known as a traitor to Yahweh. He denied Him three times to save himself, which was unforgivable. But this is an example of someone who surrendered to Yahweh. Peter chose to accept his mistake and waited for Yahweh’s will to have mercy on him. And finally, Peter received mercy from Yahshua again, but he did it with all his might, which was taking care of the sheep for Yahshua. And he gave his life to repay this great mercy in protecting his brothers and sisters in the faith with his life. It makes us see the difference clearly. And makes us understand the matter of Predestination that even though we are determined, we can choose how we will end up. That is the meaning of the Tree of the Knowledge of Good and Evil that is still with us today. We can choose to be a new person. Did we choose it? Yahweh has mercy on us all the time, until the end. Did we receive it? Yahweh has the highest will in our life. Did we grasp it? Even though we are destined, everything still depends on our choice, which is Free will. And of course, if we refuse, Yahweh always has a backup plan. Because He definitely wins, and has already won.
It is up to us to join the side that was destined to win or not? That is the meaning of the parable of the wedding feast.
3 And he sent his slaves to call those being invited to the wedding feast, but they did not desire to come. 4 Again, he sent other slaves, saying, Tell the ones invited, behold, I have prepared my supper; my oxen, and the fatlings are killed, and all things ready; come to the wedding feast. 5 But they sneered at it and they went away, one to his own field, and one to his trading. 6 And the rest, seizing his slaves, mocked and killed them. 7 And hearing the king became angry. And sending his armies, he destroyed those murderers and burned their city. 8 Then he said to his slaves, Indeed, the wedding feast is ready, but those invited were not worthy. 9 Then go onto the exits of the highways and call to the wedding feast as many as you may find. 10 And going out into the highways, those slaves gathered all, as many as they found, both evil and good. And the wedding feast was filled with reclining guests. 11 And the king coming in to look over those reclining, he saw a man there not having been dressed in a wedding garment. 12 And he said to him, Friend, how did you come in here, not having a wedding garment? But he was speechless. 13 Then the king said to the servants, Binding his feet and hands, take him away and throw him out into the outer darkness. There shall be weeping and gnashing of the teeth. 14 For many are called, but few chosen.
Matthew 22:3-14
Some of us may be the ones who ignore. Some be people on the street, crippled but called. Even though we are called to the wedding feast, but we are not prepare. This is the meaning of dressing appropriately for our duties and status.
We will still be rejected in the end. We all have equal opportunities. We all have 24 hours a day, and we all have equal limitations. We all have the right to receive the Holy Spirit. We all have equal opportunities to learn from Him, but we produce different results. That is because we choose. So I would like to encourage everyone to review their lives and accept the call to be the one He chose in the end, and maintain this status to the end. For those who have failed, find a way to start over. The door is not closed yet. May the YAHWEH strengthen everyone.
Shalom
Elder Pong
PS. I have good news. Elder Don and the 5 elders have decided to laid the hand and anointed our brother Oat as a Deacon to help with the work in Thailand. That means we now have 3 Deacons to work with me. I am sure that it will help our brothers and sisters even more. Congratulations to Deacon Oat!
Congregation of YHWH, Thailand ชุมชนของพระยาห์เวห์ แห่งประเทศไทย
