The Faith EP 12, 2025

The Faith.  EP 12 “ รับด้วยปากเชื่อด้วยใจ ”

(TH) สวัสดีครับทุกคนวันนี้มาต่อกันเรื่องความเชื่อจากบทความเมื่อวานกันน่ะครับ เมื่อเราคุยกัยเรื่องว่า “การรักษาโทราห์ด้วยความเชื่อ ไม่ใช่ด้วยความกลัว ไม่ใช่แบบตัวหนังสือ แต่ให้ลงลึกไปถึง เจตนารมย์ของโทราห์และจิตวิญญาณของโทราห์ กัน และเมื่อเราเชื่อให้การไถ่ของยาห์ชัว เราก็จะเชื่อเรื่องการเป็นขึ้นจากตาย เราก็จะเชื่อว่ายาห์เวห์ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์มาให้กับเราจริงๆ ( เมื่อเรารับบัพติสมาอย่างถูกต้อง ) เราก็จะเชื่อว่าพระองค์อยู่ในเรา และในเมื่อพระองค์อยู่ในเรา เราก็จำเป็นต้องบริสุทธิ์ แล้วใครจะช่วยทำให้บริสุทธิ์ ก็คือ พระองค์ผู้อยู่ในเราไงครับและจะทำยังไงก็คือการเชื่อฟัง คำแนะนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ภายในเรานั้นเอง และรู้ได้อย่างไรว่า นั้นเป็นเสียงของพระองค์ ก็รู้ได้จาก เสียงนั้นขัดกับโทราห์หรือไม่นั้นเองครับ  นั้นคือ ชุดความเชื่อที่ควรเกิดขึ้นในผู้เชื่อครับ

“คือว่าถ้าท่านจะยอมรับด้วยปากของท่านว่ายาห์ชัวทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในใจว่า พระยาห์เวห์ได้ทรงให้ยาห์ชัวเป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด เพราะว่าการเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด”
โรม 10:9-10 THSV11

       พระคำข้อนี้เป็นข้อที่คริสเตียนใช้อ้างเพื่อนำผู้คนรับเชื่อและต้อนรับพระเยซูเข้ามาในชีวิตครับ  แต่ที่น่าเสียดายคือ ไม่มีใครอธิบายให้ผู้ที่เริ่มต้อนรับพระเยซูเข้ามาในชีวิต เข้าใจถึงความหมายที่ลึกซึ้งอันนี้ เรามาดูกันทีล่ะข้อว่า

       แต่ล่ะข้อหมายถึงอะไรกันบ้างน่ะครับ

       สิ่งแรก คือ การรับด้วยปากว่า ยาห์ชัวทรงเป็นพระเจ้า จริงๆแล้วในฉบับ HBR

       จะใช้คำว่า “ Rom 10:9  Because if you confess the Master Yahshua with your mouth, and believe in your heart that YAHWEH raised Him from the dead, you will be saved  “

       จริงๆแล้วเป็นการเริ่มต้นยอมรับในตัวยาห์ชัว การยอมรับยาห์ชัว คืออะไรครับ ?

       คือ การยอมรับยาห์ชัว ว่าพระองค์ คือ พระเมสิยาห์ เพราะในสมัยนั้น คนอิสราเอล ส่วนใหญ่รู้จักพระเมสิยาห์ดีและตั้งหน้าตั้งตารอคอยพระเมสิยาห์ที่จะเสด็จมาเพื่อปลดปล่อยพวกเขาจากความตกต่ำของการเป็นชนชาติของพระยาห์เวห์ นั้นเอง  และที่ผ่านมา พวกเขาพยายามเสาะหาและพยายามคิดว่า คนนั้นคนนี้จะเป็นพระเมสิยาห์มาโดยตลอด ถึงขั้น  คนอิสราเอล เคยคิดว่า กษัตริย์ ไซรัส เป็นพระเมสิยาห์ มาแล้ว และ หลังจาก ยาห์ชัวสิ้นพระชนม์ ก็ยังกลุ่มคนยิวที่ไม่ยอมรับในตัวยาห์ชัวว่าเป็นพระเมสิยาห์เนี้ยได้แต่งตั้ง ชายคนนึง ชื่อว่า simon bar-kokhba ว่าเป็นพระเมสิยาห์แทน เพื่อนำพวกเขา รบกับโรมเพื่อยึดคืนเอกราช แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้ และเราจะเห็นได้จากในพระกิตติคุณ ยาห์ชัวจะถามสาวกตลอดว่า พวกเขาคิดว่าพระองค์เป็นผู้ใด ?

“เมื่อยาห์ชัวเสด็จเข้าไปในเขตเมืองซีซารียาฟีลิปปี พระองค์ตรัสถามพวกสาวกของพระองค์ว่า “คนทั่วไปพูดกันว่าบุตรมนุษย์เป็นใคร?” เขาทั้งหลายทูลตอบว่า “บางคนว่าเป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่บางคนว่าเป็นเอลียาห์ ส่วนคนอื่นๆ ว่าเป็นเยเรมีย์ หรือเป็นคนหนึ่งในบรรดาผู้เผยพระวจนะ” แล้วพระองค์ตรัสถามเขาทั้งหลายว่า “แล้วพวกท่านว่าเราเป็นใคร?” ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์เป็นพระเมสิยาห์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” ยาห์ชัวตรัสกับเขาว่า “ซีโมนบุตรโยนาห์เอ๋ย ท่านก็เป็นสุข เพราะมนุษย์ไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้แก่ท่าน แต่พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผยให้ทราบ เราบอกท่านว่าท่านคือเปโตร และบนศิลานี้ เราจะสร้างชุมชนของเราไว้และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อชุมชนนี้ไม่ได้ เราจะมอบลูกกุญแจต่างๆ แห่งแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน สิ่งใดที่ท่านกล่าวห้ามในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ และสิ่งใดที่ท่านกล่าวอนุญาตในโลก สิ่งนั้นก็จะได้รับอนุญาตในสวรรค์” พระองค์ทรงกำชับพวกสาวกของพระองค์ไม่ให้บอกใครว่า พระองค์เป็นพระเมสิยาห์ ”
มัทธิว 16:13-20 THSV11

       จะเห็นว่า สิ่งแรกที่จำเป็นคือ เราต้องหาให้ได้ว่าใครคือพระเมสิยาห์ เพราะอะไรหน่ะเหรอครับ ก็เพราะหนทางที่จะรอดอยู่กับผู้นั้น อยู่นามของผู้นั้น แน่นอน ถ้าคุณเชื่อว่า พระเมสิยาห์ คือ ไซรัส คุณจะเอ่ยชื่อของไซรัสและยอมรับว่าเขาคือคนที่ทำให้คุณรอดพ้นจากการพิพากษา หรือ บาร์ คอกบา ซึ่งแน่หล่ะ ต้องเป็นใครสักคนนึงในสามชื่อนี้แน่ๆ แต่ที่แน่ๆ พระเมสิยาห์ จะมีเพียงคนเดียว และนั้นคือ สาเหตุที่เราต้องให้ความสำคัญ กับพระนามมากๆ

“ก็ให้ท่านทั้งหลายกับบรรดาชนอิสราเอลทราบเถิดว่า โดยพระนามของยาห์ชัว พระเมสิยาห์ ชาวนาซาเร็ธที่พวกท่านตรึง ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงให้เป็นขึ้นจากตาย โดยพระองค์นั้นแหละชายคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกท่านจึงได้หายเป็นปกติ พระองค์ทรงเป็น ศิลา ที่พวกท่านผู้เป็นช่างก่อสร้างละทิ้ง ซึ่งกลับกลายเป็นศิลามุมเอกแล้ว ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย เพราะว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้นั้น ไม่โปรดให้มีท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า”
กิจการ 4:10-12 THSV11

       พระคำข้อนี้คือ ตอนที่เปโตรต้องไปให้การต่อสภาเรื่อง สถานะของ “ยาห์ชัว” ว่าพระองค์ คือ พระเมสิยาห์ เปโตรต้องยืนยันว่า ชายคนที่ขื่อว่า “ ยาห์ชัว ” ชาวนาซาเร็ท ผู้นี้แหละ เป็นพระเมสิยาห์ที่พวกท่านรอคอย และโดยชื่อนี้เท่านั้น พวกเขาถึงจะได้รับความรอด จากพระบิดายาห์เวห์  และชายคนที่หายโรคได้นั้นก็เพราะนามนี้เท่านั้น ถึงกับต่อมา สภาแห่งนี้ ได้สั่งห้าม ไม่ให้สาวก สอนการออกพระนามที่ถูกต้อง เลยทีเดียว

“เมื่อสั่งให้เปโตรกับยอห์นออกไปจากที่ประชุมแล้ว พวกเขาจึงปรึกษากัน ว่า “เราจะทำอย่างไรกับสองคนนี้? เพราะเขาทั้งสองทำหมายสำคัญพิเศษซึ่งทุกคนที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มก็รู้และเราก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่ให้เราขู่เข็ญไม่ให้เขาทั้งสองพูดชื่อนั้นกับใครอีก เพื่อเรื่องนี้จะไม่เลื่องลือแพร่หลายไปท่ามกลางประชาชน” พวกเขาจึงเรียกเปโตรและยอห์นมา แล้วสั่งไม่ให้พูดหรือสอนออกพระนามของพระเยซูอีก”
กิจการ 4:15-18 THSV11

       การยอมรับด้วยบาปจึงสำคัญด้วยประการฉะนี้นั้นเองครับ พูดในมุมกลับคือ ถ้าคุณไม่ยอมรับในตัวยาห์ชัว คุณก็จะไม่กล้าบอกว่า ยาห์ชัว ชาวนาซาเร็ท บุตร โยเชฟช่างไม้ ผู้นี้ เป็นพระเมสิยาห์ เรามาดูน่ะครับว่า มีคนล่ะทิ้งความเชื่อ เพราะเรื่องนี้หรือไม่ ?

“พวกยิวจึงซุบซิบกันเรื่องพระองค์เพราะพระองค์ตรัสว่า “เราเป็นอาหารซึ่งลงมาจากสวรรค์” พวกเขาพูดกันว่า “คนนี้คือยาห์ชัวลูกของโยเซฟไม่ใช่หรือ? พ่อแม่ของเขาเราก็รู้จัก แล้วเดี๋ยวนี้เขาพูดได้อย่างไรว่า ‘เราลงมาจากสวรรค์’?” แล้วพวกยิวก็ทุ่มเถียงกันว่า “คนนี้จะเอาเนื้อของเขาให้เรากินได้อย่างไร?” เมื่อพวกสาวกของพระองค์หลายคนได้ยินอย่างนั้นก็พูดว่า “คำสอนเรื่องนี้ยากนัก ใครจะรับได้?” และเมื่อยาห์ชัวทรงทราบว่าพวกสาวกของพระองค์ซุบซิบกันถึงเรื่องนั้น จึงตรัสกับเขาว่า “เรื่องนี้ทำให้พวกท่านสะดุดหรือ? ตั้งแต่นั้นมาสาวกของพระองค์หลายคนถดถอยไม่ติดตามพระองค์ต่อไปอีก ยาห์ชัวตรัสกับสิบสองคนนั้นว่า “พวกท่านก็จะจากเราไปด้วยหรือ?” ซีโมนเปโตรทูลตอบพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พวกข้าพระองค์จะจากไปหาใครได้? พระองค์ทรงมีถ้อยคำแห่งชีวิตนิรันดร์ และพวกข้าพระองค์ก็เชื่อและทราบแล้วว่าพระองค์ทรงเป็นองค์บริสุทธิ์ของพระเจ้า””
ยอห์น 6:41-42, 52, 60-61, 66-69 THSV11

       ใช่แล้วครับ การรับด้วยปาก คือ การยอมรับว่า นามที่ชื่อว่า  “ยาห์ชัว” “Yahshua” ผู้นี้คือ พระเมสิยาห์ ผู้เป็นพระบุตรของพระยาห์เวห์ และทรงเป็นเอโลฮีม ผู้มาปลดปล่อยมนุษย์ชาตินั้นเอง และนี้คือ ที่มาว่าทำไม ก่อนรับบัพติศมาต้องมีการถามก่อนว่า “คุณยอมรับว่า ” ยาห์ชัวเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคุณหรือไม่? “ และจะพูดให้ถูกอีกก็คือ  การรับด้วยปากเชื่อด้วยใจ ในโรมบทที่ 10 นี้ เป็นเพียงการเริ่มต้นเข้าสู่ความเชื่อในพันธสัญญาใหม่นั้นเอง ที่จะต้องมีก่อนเข้ารับการบัพติศมา ครับ และหลังจากนั้น คือการถือรักษาสิ่งสารพัดนั้นเองครับ

“เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์จะสอนพวกเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดที่เราสั่งพวกท่านไว้ และนี่แน่ะ เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค””
มัทธิว 28:19-20 THSV11

       ดังนั้นการรับด้วยปากไม่ใช่เป็นเพียงการต้อนรับพระองค์ เข้ามาในชีวิต แต่ต้องเข้าใจว่า พระองค์ คือผู้ใด สำคัญต่อเราอย่างไร นั้นเองครับ เอาหล่ะ วันพรุ่งนี้มาดูต่อว่า การเชื่อด้วยใจ คืออะไรกันครับ

ชาโลม

เอลเดอร์ โป้ง

The Faith.  EP 12 “ Confess with your mouth and believe in your heart ”

(EN) Hello everyone, today we will continue the topic of faith from yesterday’s article. When we talk about ‘keeping the Torah with faith, not fear, not in a literal sense, but delving into the intentions of the Torah and the spirit of the Torah.’ And when we believe in the redemption of Yahshua, we also believe in the resurrection from death, and we believe that Yahweh truly grants us the Holy Spirit (when we are correctly baptized). We will believe that He is within us, and since He is within us, we must be pure. So who will help purify us? It is He who is within us, and how will this happen? It is through obeying the guidance from the Holy Spirit within us. And how do we know that this is His voice? We can tell if that voice is in accordance with the Torah or not. That is the set of faith that should occur in believers.

Because if you confess the Master Yahshua with your mouth, and believe in your heart that YAHWEH raised Him from the dead, you will be saved. For the heart which believes in Him shall be declared righteous, and the mouth that confesses Him shall live.
Romans 10:9-10

       This verse is one that Christians use to lead people to believe and welcome Jesus into their lives. But unfortunately, no one has explained to those who are beginning to welcome Jesus into their lives the profound meaning of this. Let’s take a look at each verse to understand what each one means.

       The first thing is to confess with your mouth that Yahshua is Elohim, indeed in the HBR version will use the word “ Romans 10:9  Because if you confess the Master Yahshua with your mouth, and believe in your heart that YAHWEH raised Him from the dead, you will be saved  “

       In fact, it is the beginning of accepting Yahshua. What does accepting Yahshua mean?

       It is the acceptance of Yahshua as the Messiah, because at that time, most of the Israelites were well aware of the Messiah and were eagerly awaiting the Messiah to come and liberate them from the decline of being the nation of Yahweh. In the past, they attempted to seek and speculated that certain individuals would be the Messiah, to the extent that the Israelites once thought King Cyrus was the Messiah. After Yahshua’s death, there was still a group of Jews who refused to acknowledge Yahshua as the Messiah and appointed a man named Simon Bar-Kokhba as the Messiah instead, to lead them in a battle against Rome to reclaim their independence. But ultimately, they were defeated. We can see in the Gospel that Yahshua frequently asked his disciples who they thought He was.

And coming into the parts of Caesarea of Philip, Yahshua questioned His disciples, saying, Whom do men say Me the Son of Man to be? And they said, Some say John the Baptist, and others Elijah, and others Jeremiah, or one of the prophets. He said to them, But you, whom do you say Me to be? And answering, Simon Peter said, You are the Messiah, the Son of the living Elohim. And answering, Yahshua said to him, Blessed are you, Simon, son of Jonah, for flesh and blood did not reveal it to you, but My Father in Heaven. And I also say to you that you are Peter, and on this rock I will build My assembly, and the gates of Hades will not prevail against her. And I will give to you the keys of the kingdom of Heaven. And whatever you bind on earth shall occur, having been bound in Heaven. And whatever you may loose on the earth shall be, having been loosed in Heaven. Then He warned His disciples that they should tell no one that He is Yahshua the Messiah.
Matthew 16:13-20

       You will see that the first thing that is necessary is for us to find out who the Messiah is. Why is that? It’s because the way to salvation is with that person, in that person’s name. Of course, if you believe that the Messiah is Cyrus, you will mention Cyrus’s name and accept that he is the one who has saved you from judgment. Or Bar- Kokhba, who surely must be one of these three names.But it is certain that the Messiah will be only one person, and that is why we must give great importance to the Name.

let it be known to all of you, and to all the people of Israel, that in the name of Yahshua, Messiah, the Nazarene, whom you crucified, whom Elohim raised from the dead, in this name this one stands before you whole. This One is the Stone rejected by you the builders, the One who has come to be into the Head of the Corner; And there is salvation in no other man, for neither is there any other name under Heaven having been given among men by which we must be saved.
Acts 4:10-12

       This scripture is about when Peter had to testify before the council about the status of ‘Yahshua,’ that He is the Messiah. Peter had to confirm that the man named ‘Yahshua’ from Nazareth is indeed the Messiah that they had been waiting for, and that only through this Name could they receive salvation from the Father Yahweh. The man who was healed could only be healed through this Name. Subsequently, this council prohibited the disciples from teaching about the correct Name.

But commanding them to go outside the Sanhedrin, they conferred with one another, saying, What may we do to these men? For that a notable miracle indeed has occurred through them is plain to all those living in Jerusalem, and we are not able to deny it. But that it may not be spread abroad further to the people, let us threaten them with a threat that they no longer speak on this name to any sons of men. And calling them, they ordered them not to speak at all, nor to teach in the name of Yahshua.
Acts 4:15-18

       Confess with your mouth is indeed important for this very reason. To put it another way, if you do not accept Yahshua, you will not dare to say that Yahshua of Nazareth, the son of Joseph the carpenter, is the Messiah. Let’s see if anyone has abandoned their faith because of this issue.

Then the Jews murmured about Him, because He said, I am the Bread coming down out of Heaven. And they said, Is this not Yahshua the son of Joseph, of whom we know the father and the mother? How does this One now say, I have come down out of Heaven? Then the Jews argued with one another, saying, How can this One give us His flesh to eat? Then many of His disciples having heard, they said, This Word is hard; who is able to hear it? But knowing in Himself that His disciples were murmuring about this, Yahshua said to them, Does this offend you? Because of this saying, many of His disciples turned their backs and did not walk with Him. Therefore, Yahshua said to the Twelve, Do you also wish to go? Then Simon Peter answered Him, Master, to whom shall we go? You have the Words of everlasting life. And we have believed and have known that You are the Messiah, the Son of the living Elohim.
John 6:41-42, 52, 60-61, 66-69

       Yes, that’s right. Confessing with the mouth means accepting that the Name “Yahshua” is the Messiah, the Son of Yahweh, and He is Elohim who came to liberate humanity. And this is the reason why, before receiving baptism, one must be asked, “Do you accept that Yahshua is your Savior?” To put it correctly, confessing with the mouth and believing with the heart, as mentioned in Romans chapter 10, is merely the beginning of entering into faith in the New Covenant that must occur before baptism. And after that, it’s about keeping everything.

Then having gone, disciple all

nations, baptizing them into the name of the Father and of the Son, and the Holy Spirit teaching them to observe all things, whatever I commanded you. And, behold, I am with you all the days until the completion of the age. Amen.
Matthew 28:19-20

       So confessing with the mouth is not just about welcoming Him into our lives, but we must understand who He is and how important He is to us. Alright, tomorrow let’s continue to see what believing with the heart means.

Shalom

Elder Pong