Message from the wilderness. Day 10/30, 2025 

       สวัสดีครับ พี่น้องทุกท่านเรามาถึง วันที่ 10 ในถิ่นทุรกันดาร แล้วครับ สามวันที่แล้วเราเจอกับพายุทรายทำให้อากาศภายนอกไม่ค่อยดีนัก แต่หลังจากนั้น 2 วันคือเมื่อวานและวันนี้ท้องฟ้าใสและเคลียร์มากๆ ครับ อากาศดีมากๆ เรามีโอกาสได้ออกไปออกบริเวณรอบๆ คอมเพล็กซ์ที่เราอยู่ มันดีมากๆ ขนาดที่เรายืนชมวิวกันอยู่ ไม่นาน เจ้าแมงป่องน้อยที่เคยต่อยผมเมื่อปีที่แล้วก็ปรากฏตัวขึ้นครับ พันธุ์เดียวกันเลย ทุกคนจ้องมองมันและถามผมว่าแมงป่องแบบนี้ใช่มั้ยที่ต่อยผม แน่นอนครับเหมือนกันเลย แมงป่องน้อยน่ารักแต่พิษร้ายกาจอันดับสองของโลกใบนี้ มันสะกดรอยตามพวกเรามาและปรากฏตัวขึ้นดีที่ว่าไม่มีใครโดนต่อยเหมือนปีที่แล้วที่ผมโดน และขณะที่ผมกำลังเขียนบทความนี้ เอลเดอร์ เอเดรียน จาก นิคารากัว มาเคาะประตูเพื่อตามผมไปดูฝูงนกอินทรีกว่า 50 ตัวโดนประมาณ ที่บินวนเหนือที่พักของเรา ช่างน่าตื่นเต้นมากๆ สำหรับวันนี้ครับ

       เอาหละวันนี้ผมมีเรื่องราวดีๆ มาแบ่งปันเช่นเคยยังไงก็ยังขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่เขียนมาถึงผมนะครับ มันสำคัญสำหรับผมมากๆ เรื่องราวในวันนี้อยู่ในหัวข้อ “ การมีอิทธิพลกับผู้อื่น ” ซึ่งวันนี้ดีมากๆครับ เอลเดอร์ ดอน สอนว่า การมีอิทธิพลคือการค่อยๆเปลี่ยนแปลงเขาโดยเริ่มจากเรา นั้นคือ การที่เราต้องมีตัวตนและลักษณะที่ดีเสียก่อน พูดง่ายๆว่า ต้องเริ่มต้นจากภายในครับ ตำแหน่งทางสังคม ยศ หรือ คำนำหน้าไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่า เราจะมีอิทธิพลกับผู้อื่นได้จริงๆ บางครั้งมีคนทำตามเราเพราะ ยศ ตำแหน่ง หน้าที่ ก็จริง แต่เมื่อเราพ้นจาก ตำแหน่งนั้นพวกเขาก็เลิกทำตาม หรือเลิกนับถือ เรา นั่นเพราะตัวตนของเราไม่สามารถมีอิทธิพลกับพวกเขาได้จริงๆ นั่นสำคัญและน่าเก็บมาคิดมากๆครับ

       ในบทเรียนมีหลายมิติมากๆ สำหรับเรื่องการมีอิทธิพล แต่ผมจะขอพูดในมุมของการ “ประกาศข่าวประเสริฐ”ครับ เอลเดอร์ ดอน บอกว่า หลายครั้งเรานำเอาความจริงหรือข่าวประเสริฐไปบอกผู้คนแต่เขาไม่รับหรือสนใจนั้นเพราะ ชีวิตของเราไม่ได้แสดงให้เขาเห็นถึงฤทธานุภาพของข่าวประเสริฐที่เรานำไปบอกเขา ชีวิตของเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลง หรือ ชีวิตของเรายังคงวนเวียนอยู่กับสิ่งที่เมื่อผู้คนมองมาแล้วสัมผัสถึงบางอย่างภายในเราที่ยังมีปัญหา เขาก็จะมีความสงสัยในสิ่งที่เราพูด นั่นทำให้เราควรหันมาสนใจชีวิตภายในเราก่อน

       คำถามสำคัญคือ เมื่อเราประกาศความจริงของพระยาห์เวห์ แล้วเราเป็นคนรักษาคำพูดหรือไม่? เราบอกว่าเรารักษาวันสะบาโตแล้วเราเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นบ้างหรือไม่? เราบอกว่าเราใช้พระนามที่ถูกต้อง แล้วเราเป็นคนที่ซื่อสัตย์หรือไม่? เราบอกว่ารักพระยาห์เวห์ แล้วเรามีใจช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่ได้รับประโยชน์ตอบแทนบ้างหรือไม่?

       เห็นมั้ยครับ ชีวิตภายใน สำคัญกว่าภายนอก เราอาจแสดงให้ผู้อื่นเห็นถึงความเชื่อเราได้เพียงผิวเผินแต่เราไม่อาจปิดบังสิ่งที่เราเป็นได้เมื่อเราใช้ชีวิตกับใครสักคนนึง นั่นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ คีบุช หรือการอยู่ร่วมกันเป็นชุมนย่อย นั้นสามารถทำให้เราเติบโตฝ่ายวิญญาณได้ดีกว่า เพราะเมื่อเราอยู่กันทุกวันเราจะไม่สามารถปิดบังตัวตนของเราไว้ได้ เราอาจพยายามเป็นคนที่ดูดีได้ในทุกๆวันสะบาโต แต่เราไม่อาจทำมันได้ทุกวันถ้าเราไม่ได้เป็นแบบนั้น และนั่นสำคัญมากๆ ที่เราจะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่เราเป็นให้ไปในทางที่ดี มากกว่าการตบแต่งชีวิตภายนอกอย่างเดียว

       ผมเลยมี 10 คำถามจากคลาสเช้านี้ของเอลเดอร์ ดอน มากฝากทุกคน ให้เราตรวจสอบตัวเองดูครับ เต็ม 10 คะแนนคุณให้คะแนนตัวเองเท่าไร (อย่าเข้าข้างตัวเองมากไปนะครับ 555) เอาหล่ะไปกันเลย

1. เราปฏิบัติต่อคนที่ไม่มีผลประโยชน์ต่อเราอย่างไร ?

2. เราจริงใจกับผู้อื่นมากแค่ไหน ?

3. เราสวมหน้ากากเข้าสังคมบ่อยแค่ไหน?

4. เราเป็นคนเดียวกันหรือไม่เมื่อเราอยู่ในจุดสนใจ แสงไฟ หรือสังคม เปรียบกับเวลาเราอยู่คนเดียว?

5. เมื่อเราทำผิดเราเป็นฝ่ายเดินไปขอโทษด้วยตัวเองหรือต้องมีคนมาบอกเราถึงจะขอโทษ ?

6. เราคำนึงถึงส่วนร่วมมากกว่าส่วนตัว มากน้อยแค่ไหน ?

7. การตัดสินใจของเราขึ้นอยู่กับ ศีลธรรม หรือ สถานการณ์ ?

8. เมื่อเราต้องเสียผลประโยชน์บางอย่าง เราตัดสินใจทำมันยากมั้ย หากเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ?

9. เมื่อเรามีปัญหาเราจะคุยกับคู่กรณีโดยตรงหรือ เรามักคุยกับคนอื่นจนกลายเป็นเรื่องซุบซิบนินทา ?

10. เมื่อเรารับปากอะไรไว้ เรารับผิดชอบต่อคำสัญญา การกระทำและคำพูดของเราดีแค่ไหน ?

เต็ม 10 ให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่ครับในแต่ละข้อ ขอยาห์เวห์ช่วยเราที่จะเป็นคนที่ดีจาก “ภายใน” น่ะครับ

ชาโลม

เอลเดอร์ โป้ง

 

Post Info

Latest Posts

Share!!

ขออภัยในความผิดพลาด ทางเราได้ทำการแก้ไขการจัดเรียนหน้าในหนังสือ The gates of hell shall not prevail against her ให้ถูกต้องแล้ว

X