Message from the wilderness. Day 6/30, 2025 

  ชาโลมครับพี่น้องชุมชนของพระยาห์เวห์ในประเทศไทยทุกท่าน ผมมีความสุขมากๆ ที่บทความที่ผมตั้งใจว่าจะเขียนให้ได้ทุกวันตลอดที่อยู่ที่ เสลาห์นี้เป็นประโยชน์กับหลายคนและหนุนใจบางคนจากที่มีแชทมาหาผมส่วนตัวเพื่อขอบคุณและพยานชีวิต  ซึ่งมันทำให้ผมตัดสินใจจะทำมันทุกวันให้สำเร็จแม้จะกลับไปที่เมืองไทยแล้วก็ตามขอบคุณสำหรับกำลังใจและผมยังคงต้องการมัน ทุกคนสามารถส่งความคิดเห็นมาถึงผมส่วนได้เสมอน่ะครับ ในเว็ปไซด์ก็สามารถเขียนมาได้ผ่านเมนู “ติดต่อเรา” ครับผม

    วันนี้ผมมีเรื่องราวดีมาแบ่งปันทุกคน ในหัวข้อ “การเป็นชุมชนแบบ ฟิลาเดลเฟีย ” กันครับ หากใครเคยศึกษาเรื่องราวใน วิวรณ์บทที่ 2และ3 จะทราบว่าเป็นเรื่องราวของชุมชน 7 แบบที่ยาห์ชัวเขียนจดหมายไปถึงและทรงให้ความเห็นที่แตกต่างออกไป และมีเพียงชุมชนเดียวที่ไม่ข้อติติงใดๆเลย  คือ ชุมชน “ ฟิลาเดลเฟีย ” และอีก 6 ชุมชนนั้นพระองค์ได้เตือนสติในเรื่องราวที่แตกต่าง สิ่งนี้มีประโยชน์มากๆครับ เพราะแน่นอนใครๆก็อยากเป็น “ฟิลาเดลเฟีย” ใครๆก็เชื่อว่าตัวเองเป็นฟิลาเดลเฟีย แต่ใครหล่ะจะเข้าใกล้ความเป็นฟิลาเดลเฟียที่แท้จริง ก่อนเราจะไปดูว่าฟิลาเดลเฟียคืออะไร สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ อะไรทำให้เราไม่เป็นฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเรารู้ได้จากข้อผิดพลาดของ อีก 6 ชุมชนที่เหลือ ผมเลยจะสรุปคลาสเรียนเมื่อวานให้ทุกท่านได้เข้าใจสั้นๆโดยเริ่มจาก 6 ชุมชนที่ผิดพลาดก่อน เพื่อเราจะเรียนรู้และแก้ไขตัวเราหากเรายังมีข้อผิดพลาดเหมือนกันกับบางชุมชนที่ยาห์ชัวเป็นห่วง เริ่มกันเลยครับ

    ชุมชนแรก  เอเฟซัส  สิ่งที่เอเฟซัสพลาดคือ พวกเขาล่ะทิ้งความรักดั้งเดิม ( first love ) พวกเขาคือคนกลุ่มแรกที่ได้รับการวางรากฐานความเชื่อจากอัครสาวกเลยน่ะครับ พวกเขาได้สัมผัสใกล้ชิดอัครสาวกผู้เป็นศิษย์เอกของยาห์ชัวรวมถึง เปาโลผู้เป็นอัครทูตที่ประกาศกับคนต่างชาติและได้รับการสอนจากยาห์ชัวโดยตรงที่ภูเขาซีนาย

แต่ทำไมพวกเขาถึงทิ้งความรักดั้งเดิม นั้นเพราะ ในช่วงแรกพวกเขาอยู่ร่วมกัน รักกันและเชื่อว่า ยาห์ชัวจะกลับมาภายใน คศ 70 เพราะพวกเขานับจากหลัก 40 ปีในถิ่นทุรกันดาร ในอดีต และแน่นอนครับ 40 ปีผ่านไป ยาห์ชัวก็ยังไม่กลับมาแถมผู้นำเสาหลักยังมาตายจากไปอีก คือ เปรโต และ เปาโล  บวกรวมกับ พระวิหารถูกทำลายแบบราบคาบอีก มันสั่นคลอนความเชื่อของพี่น้องในยุคนั้นมากๆครับ ทำให้หลายคนสูญเสียความเชื่อไป ละทิ้งการทรงเรียกไป แม้เขาจะมีความรู้ที่ดีมากๆ แต่เพราะเวลาที่ยาวนานและความขาดหวังที่ไม่ตรงกับน้ำพระทัยเลยทำให้พวกเขาล่ะท้องความรักดั้งเดิมในช่วงที่พวกเขาเชื่อแรกๆ ที่มีความเชื่อสูงมากยอมทิ้งทุกอย่างมาอยู่ในชุมชนยอมถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม แต่พอไม่เป็นไปตามที่คาดหวังก็ทิ้งความเชื่อไป นั้นสะท้อนเราครับว่าเราเป็นแบบนั้นหรือไม่  ระยะทางที่แสนยาวไกลทำเราอ่อนกำลังและความเชื่อเรายังเหมือนเดิมมั้ย การประกาศ การสอน การถือรักษาและความรัก ความเสียสละเรา แพ่วลงมั้ยเมื่อเริ่มนานวันเขา นั้นคือความรักดั่งเดิม ที่เอเฟซัสสูญเสียไป

     ชุมชนสเมอร์น่า  ที่แปลว่า “กำยาน” ที่ยิ่งทุบยิ่งหอม สเมอร์เป็นอีกชุมชนที่ไม่ถูกตำหนิแต่เขาต้องผ่านการทดสอบที่หนักหน่วง การข่มเหงมากมายเกิดขึ้นกับพวกเขาแต่พวกเขาก็ผ่านมาได้ ไม่ว่าจะเป็นการทรมาน การฆ่า

และอื่นๆ สเมอร์น่าได้พิสูจน์ความเชื่อของพวกเขาได้เป็นอย่างดี ว่าเขาไม่ได้เสียดายชีวิตเลย กลับมาดูที่ชีวิตของพวกเราครับ เรากลัวการข่มเหงหรือไม่ ความยากลำบากเพราะความเชื่อ การถูกเหยียดหยามเพื่อความเชื่อ เรากลัวมั้ย หรือเรายังคงยืนหยัด แม้ต้องสูญเสียบางอย่างไม่มากก็น้อย เรายินดีที่จะเป็นกำยานที่ยิ่งทุบยิ่งหอมหรือไม่ หรือเรารักตัวกลัวตาย รักชื่อเสียงเรามากกว่าสิ่งใด ซึ่งยาห์ชัวสอนว่า ใครรักชีวิตเขาจะเสียชีวิต แต่ใครสละชีวิตเพราะความเชื่อ ผู้นั้นกลับได้ชีวิตนิรันดร์

    ชุมชนเปอร์กามัม    คือชุมชนที่สะท้อนถึง ความอลุ่มอะหล่วยในความเชื่อ ในยุคนี้คือ ต้นเหตุของศาสนศาสตร์คริสเตียน ต้นกำเนิด โรมันคาทอลิค และการเปลี่ยนวันสะบาโต รวมถึง เทศกาลต่างๆที่ถูกบิดเบือนและแทนที่ด้วยเทศกาลนอกรีต นี้คือยุคที่ผู้เชื่อส่วนนึงยอมต่อการข่มเหงหันไปร่วมมือกับความเชื่ออื่นๆที่ผสมผสานเพื่อเห็นแก่ความสงบสุขชั่วคราว นี้คือยุคที่ คอนสแตนตินลุกขึ้นมาบอกว่าเขาคือ คริสเตียนแต่ชีวิตไม่ตรงกับสิ่งที่ประกาศเลย

เขายังคงเข่นฆ่าผู้เชื่อแท้ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของเขา เขาไม่เคยเปลี่ยน ไม่เคยรับบัพติสมา ตัดภาพมาที่เรา เราเป็นแบบนั้นมั้ยครับ เรายอมหยวนๆกับความเชื่อที่บิดเบี้ยวเพียงเพื่อจะไม่ยุ่งยาก หรือเรียกว่า “ อยู่เป็น” หรือไม่

เรายอมลดมาตรฐานความเชื่อลง เพื่อแลกกับอะไรบ้างอย่างมั้ย  เรายอมมันเหมือนคนส่วนใหญ่ในยุคเปอร์กามัมหรือไม่ ?

ชุมชนธิยาทิร่า  ชุมชนที่เป็นผลมาจากการยอมอลุ่มอะล่วยในความเชื่อจนในที่สุด พวกเขาดูไม่เหมือนผู้เชื่อ พวกเขายอมให้ผู้หญิงขึ้นมาเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณซึ่งนั้นขัดกับหลักการปกครองของอาณาจักรของพระยาห์เวห์ (Judicial order ) พวกยอมแม้กระทั้งให้มีรูปเคารพอยู่ในสถานนมัสการพระยาห์เวห์ แน่หล่ะ เขาไม่ได้นมัสการพระองค์ มานานแล้ว แต่นี้คือการเปิดหน้าเล่นที่เด่นชัดที่สุด และผู้คนก็ยังไม่ยอมรัยความจริงว่าพวกเขาเริ่มไม่ต่างอะไรกับคนไม่เชื่อเสียแล้ว สะท้อนชีวิตเราครับ เราหลุดไปไกลถึงจุดไหน ความอลุ่มอะหล่วยพาเราไปไกลแค่ไหน เราสังเกตุได้ว่า อะไรบ้างที่ก่อนหน้านี้เราไม่เคยคิดจะทำ บาปบางบาปเป็นเรื่องที่ใครๆก็รู้ว่าบาป เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าเราจะทำ แต่ตอนนี้เรากลับทำมันได้อย่างไม่รู้อะไร หรือรู้ตัวอีกทีเราทำสิ่งนั้นๆไปได้ยังไง นั้นเพราะ เราเริ่มจาก การ Compromise ( อลุ่มอะหล่วย ) นั้นเอง ดังเช่น กลุ่ม เซเว่นเดย์แอดเวนตีส ที่เริ่มต้นจากผู้เชื่อแท้ จนในที่สุดยอมให้มีผู้เผยวจนะเป็นผู้หญิงและเธออยู่ในฐานะอยู่นำจิตวิญญาณส่งผลให้ในที่สุด เลิกการรักษาเทศกาลของพระยาห์เวห์ ไป นั้นคือจุดที่ไปไกลมากๆจากจุดเดิมครับ

  ชุมชน ซาร์ดิส ชุมชนที่ยาห์ชัวเรียกว่า  ชุมชนที่ตายแล้ว ชุมชนนี้เป็นเพียงแต่การมาโบส มาสามัคคีธรรมมาเจอกันแต่ปราศจากความรัก ปราศจากการทรงสถิตของพระวิญญาณ พวกเขาเหมือนคนตายด้าน ไม่รู้ผิดรู้ชอบใดๆ มาเพื่อแสวงหา Entertenment ไปวันๆ ไม่เกิดผลใดๆ อีกเลย นี้คือสภาพที่ไม่ต่างกับร่างกายที่ตายแล้ว ไร้ชีวิต

ซึ่งอาจสะท้อนบางช่วงในชีวิตเราได้ หรือบางคนอาจตกอยู่ในสภาพนี้ คือเราไม่รู้สึกผิดในบาปอีกต่อไป เราไม่รู้สึกผิดที่เรา ไม่รักษาสะบาโต เราไม่รู้สึกผิดที่เรายังคงกิน หมู กุ้ง หอย ปลาหมึก และให้เหตุผลง่ายๆว่า “ทำไงได้มันมีให้กินแค่นี้ กินๆไปเถอะ ” เราไม่รู้สึกผิดที่เราแต่งตัวโป๊ ไม่เหมาะสม เราไม่ใส่ใจมันอีกต่อไป และอะไรทำนองนี้ คุณกำลังอยู่ในสภาพแบบ ซาร์ดิสเข้าแล้ว เหตุฉะนั้นให้กระตุ้นส่วนที่ยังเหลืออยู่นี้คือ คำแนะนำจากยาห์ชัวร์พระเมสิยาห์ ครับ คือการเตือนสติกัน พลักดัน หนุนใจ ให้กลับมากันน่ะครับ

  ชุมชน เลาดิเซีย  เหตุที่ข้ามฟิลาเดลเฟียไปก่อนเพราะผมอยากพูดสุดท้ายเพื่อเราจะเห็นคำเตือนทั้ง 6 จากยาห์ชัวก่อน ครับ เลาดิเซีย แปลว่า การปกครองโดยมนุษย์ ใช่แล้วนี้คือยุคของเรา ยุคที่ 7 ยุคสุดท้าย ที่ผู้เชื่อ ปฏิเสธการปกครองจากพระยาห์เวห์ นั้นคือ เลาดิเซียชอบพูดว่า “ ฉันขอติดตามพระยาห์เวห์โดยตรง ไม่ขอติดตามมนุษย์ หน้าไหนทั้งนั้น ” แท้จริงเขาได้ปฏิเสธพระยาห์เวห์เข้าแล้ว ทำไมหน่ะเหรอครับ  เอลเดอร์ ดอน บอกไว้ในหลังสือ THE GATES OF HELL SHALL NOT PREVAIL AGAINST HER. ไว้ว่า “ถ้าคุณไม่สามารถเชื่อฟังผู้นำที่ถูกแต่งตั้งจากยาห์เวห์ ที่คุณสามารถมองเห็นด้วยตา ได้ คุณไม่มีวันเชื่อฟังยาห์เวห์ที่คุณมองไม่เห็นได้อย่างแน่นอน ” ใช่แล้วครับ นี้เป็นยุคที่การบริหาร ถูกครอบงำด้วยวิถีที่มนุษย์ออกแบบเอง โบสนำโดยคณะทำงานที่เลือกตั้งขึ้นมาเองตามใจ ผู้นำอยู่ใต้คณะกรรมการ ผู้รับใช้เป็นเพียงลูกจ้าง ไม่ได้อยู่ในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณอีกต่อไป  และผู้นำไม่สามารถเตือนสติใครได้ เพราะหากเตือนสติแล้วไม่ถูกใจ เขาก็ออกจากโบสหรือกลุ่ม หรือชุมชนนั้นไปอยู่ที่อื่นโดยไม่คำนึง คำเตือนว่าจริงหรือไม่ หรือ รวบรวมรายชื่อเพื่อขับไล่ผู้นำ นี้คือสภาพของสมัยปัจจุบันที่ห่างไกลจาก แนวทางของอาณาจักรมากๆครับ และหากเรามีนิสัยนั้น คือ ไม่สามารถเข้าใจ ยอมรับ หรืออยู่ใต้การดูแลของผู้นำที่พระยาห์เวห์ มอบให้คุณได้ คุณกำลังเผชิญกับ Spirit of Laodicea เข้าแล้ว  อีกลักษณะของ เลาดิเซียคือ ไม่อยากดีขึ้นกว่าเดิม ไม่อยากพัฒนาความเชื่อ ไม่อยากบริสุทธิ์ ขึ้น  เขาพอใจในสภาพฝ่ายวิญญาณที่เขาเป็นโดยไม่คำนึงว่า มันดีหรือไม่ และไม่คำนึงว่า ยาห์เวห์ ปรารถนาให้เขาเติมโตกว่าเดิมหรือไม่

และสุดท้าย ชุมชนฟิลาเดลเฟีย  ใช่แล้ว ฟิลาเดลเฟีย คือกลุ่มที่ปราศจากข้อผิดพลาดทั้ง 6 นั้น พวกเขารักกันมากๆเหมือนพี่น้องแท้ๆ ฟิลาเดลเฟีย แปลว่า ความรักกันฉันท์พี่น้อง พวกเขามีจำนวนไม่มาก ถ่อมต่อกันและกันและรักในพระยาห์เวห์มากๆ และที่สำคัญพวกเขาเกิดผลแม้จะต้องเจอข้อจำกัดมากมาย

โดยสรุปน่ะครับ

ทั้งหมดนี้ คือ 6 ข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นกับเราทุกคนได้ครับ ไม่ข้อใดก็ข้อนึง ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องดีมากๆ ที่เราจะใช้เวลาในการตรวจสอบชีวิตเราเสมอว่าเราอาจจะยังติดกับดักของซาตานบางอย่างเข้าแล้ว เพื่อหาทางหลุดพ้นหรือพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น มากกว่าจะมองว่า นี้เป็นการกล่าวโทษกัน เมื่อวานเราเข้าใจเรื่อง การเล่นบทเหยื่อไปแล้ว ว่าอย่าเสียเวลา หาคนผิดเลยครับ มาหากันดีว่าอะไรคือสิ่งที่ยาห์เวห์ ต้องการให้เราเข้าใจในแต่ละสถานการณ์นั้นๆ

และฟิลาเดลเฟียยังคงเป็นตัวอย่างที่เราทุกคนจะตั้งเป้าให้เข้าใกล้ให้มากที่สุด หวังว่าพี่น้องชาวไทยจะได้รับประโยชน์จากบทความนี้ครับ ชาโลม