Menu
Ep 4 “อะไรรอเราอยู่ในเรือ”
(TH) บทความที่แล้วเราคุยกันว่าอะไรคือ ทางรอด ในวันแห่งความมึดมิด อะไรคือน้ำมันในตะเกียง อะไรคือตัวแทนของเรือลำนั้นที่ โนอาห์ สร้างขึ้น ซึ่งเราคงเห็นแล้วว่า คำตอบคือ “ถิ่นทุรกันดาร” และเราทราบมั้ยครับว่า อะไรรอเราอยู่ในนั้น นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ Ep ที่ 4 นี้
“อะไรรอเราอยู่ในเรือครับ” 7 วันแห่งการเตรียมตัวก่อนเข้าเรือก่อนวันฝนตก นั้นคือ น้ำมันในตะเกียง ที่เราเตรียมสำรองเอาไว้ ให้เราอยู่รอดได้ในวันแห่งความมึดมิดแล้วเราต้องเดินทางต่อด้วยตะเกียงและน้ำมันอันนี้
เพื่อไปพบเจ้าบ่าว ไม่ต่างกับ 7 วันที่โนอาห์ ต้องเตรียมสัตว์ ต่างๆ และสะเบียงอาหาร ให้พอกับการอยู่ในเรือ ถึง 40 วัน
“ฝนตกบนแผ่นดิน 40 วัน 40 คืน วันเดียวกันนั้นโนอาห์กับเชม ฮาม และยาเฟท บรรดาบุตรของท่าน และภรรยาของโนอาห์ กับบุตรสะใภ้สามคนเข้าไปในเรือ น้ำท่วมแผ่นดินตลอด 40 วัน น้ำทวีขึ้นหนุนเรือให้สูงเหนือแผ่นดิน”
ปฐมกาล 7:12-13, 17 THSV11
เลข 40 คือเลขแห่งถิ่นทุรกันดารและการทดสอบ เราจะเห็นว่า นี้คือเลขเดียวกันเลยครับ โนอาห์และครอบครัว อยู่ในเรือระหว่างฝนตกอยู่ 40 วันกว่าน้ำจะท่วมจนถึงขีดสุด และมาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงนั้น
“น้ำท่วมแผ่นดินตลอด 40 วัน น้ำทวีขึ้นหนุนเรือให้สูงเหนือแผ่นดิน น้ำทวีมากขึ้นบนแผ่นดิน ส่วนเรือก็ลอยขึ้นบนผิวน้ำ น้ำทวีแรงมากยิ่งขึ้นบนแผ่นดิน ท่วมภูเขาสูงทั้งหลายที่อยู่ใต้ฟ้าทุกแห่งมิดหมด น้ำท่วมสูงขึ้นไปเจ็ดเมตรครึ่งและภูเขาทั้งหลายก็ถูกปกคลุมด้วยน้ำ สิ่งมีชีวิตทั้งปวงที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน คือนก สัตว์ใช้งาน สัตว์ป่ากับบรรดาสัตว์ที่เคลื่อนที่ติดพื้นดิน และมนุษย์ทั้งปวงก็ตายสิ้น สิ่งที่มีชีวิตทั้งหมดที่มีลมหายใจเข้าออกทางจมูก คือทั้งหมดที่อาศัยอยู่บนบกก็ตายสิ้น พระองค์ทรงทำลายล้างสิ่งทั้งปวงที่มีชีวิตอยู่บนพื้นดินตั้งแต่มนุษย์ไปจนถึงสัตว์ใช้งานและสัตว์เลื้อยคลาน และนกในอากาศ พวกเหล่านี้ถูกทำลายล้างเสียจากโลก เหลืออยู่แต่โนอาห์และบรรดาผู้ที่อยู่กับท่านในเรือ น้ำท่วมแผ่นดินอยู่ถึง 150 วัน”
ปฐมกาล 7:17-24 THSV11
จากพระคำเราทราบได้ว่า ทุกสิ่งมีชีวิตค่อยๆ จมน้ำตายทีละนิดๆ จนหมดจริงมั้ยครับ ยกเว้น ทุกอย่างที่อยู่ในเรือ และหากเราไม่คิดอะไรมากก็จะคิดว่า เย้ โนอาห์ และครอบครัว รอดแล้ว มีอาหารอยู่ในนั้น มีที่ปลอดภัย และสัตว์เป็นคู่ๆ พร้อมจะเริ่มต้นใหม่ แล้วว่า เย้ๆๆๆ แต่หากเรานึกภาพตามไปที่ล่ะท่อนตามที่พระคำได้บันทึกไว้ และลองจินตนาการตามดูบนหลักความเป็นจริงเราจะพบ ภาพอีกภาพที่เราอาจจะไม่เคยนึกถึงมากก่อน นั่นคือ สิ่งมีชีวิตมากมายรอบเรือล้ำนั้นจะ กรีดร้อง ทุบตีเรือ ตะโกนด่าทอ ถึงความไร้เมตตาของโนอาห์ และ ความโหดร้ายของพระยาห์เวห์ รอยเล็บที่ขวนเรือ และคำสาปแช่งเมื่อรู้ว่าโนอาห์ไม่มีทางเปิดให้ และ เมื่อรู้ว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ
คุณคิดว่า ถ้าคุณอยู่ในเรือลำนั้น คุณจะเป็นอย่างไร? สภาพจิตใจของคุณ เสียงร้องขอความช่วยเหลือ ทุกอย่างจะกดดันคุณขนาดไหน? แล้วคุณจะเปิดประตูมาช่วยคนเหล่านั้นมั้ย? และคุณทราบดีว่า ผู้ปิดประตูคือ พระยาห์เวห์ และไม่มีคำสั่งให้ช่วยเหลือใครอีก คุณเชื่อฟังสิ่งนี้ได้มั้ย? คุณทราบมั้ยว่าถ้าคุณเปิดประตู คุณจะทำแผนทั้งหมดของพระยาห์เวห์ พังเสียหาย และคนที่คุณช่วยมาอาจจะฆ่าคนทั้งหมดในเรือ รวมถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในนั้น คุณมองออกมั้ย? ผมมีตัวอย่างให้คุณอ่านพระคำบางท่อน เพื่อคุณจะเห็นภาพได้ชัดขึ้น
“แล้วอาหิยาห์ก็จับเสื้อคลุมใหม่ที่สวมอยู่ฉีกออกเป็นสิบสองชิ้น และท่านพูดกับเยโรโบอัมว่า “ท่านจงเอาไปสิบชิ้น เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘นี่แน่ะ เรากำลังจะฉีกอาณาจักรจากมือของซาโลมอน และจะให้เจ้าสิบเผ่า (แต่เขาจะมีเผ่าหนึ่งเพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา และเพื่อเห็นแก่เยรูซาเล็มเมืองซึ่งเราเลือกจากเผ่าทั้งหมดของอิสราเอล) เพราะเขาทอดทิ้งเรา ไปนมัสการเจ้าแม่อัชโทเรทพระของชาวไซดอน เคโมชพระของโมอับ และมิลโคมพระของคนอัมโมน และไม่ดำเนินในทางของเราคือทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายตาของเรา อีกทั้งไม่รักษากฎเกณฑ์และกฎหมายของเรา ไม่เหมือนอย่างดาวิดบิดาของเขา อย่างไรก็ตาม เราจะไม่เอาอาณาจักรทั้งหมดไปจากมือของเขา แต่เราจะให้เขาเป็นผู้ครอบครองตลอดชีวิตของเขา เพราะเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเราผู้ที่เราเลือกไว้ ผู้รักษาบัญญัติและกฎเกณฑ์ของเรา แต่เราจะเอาอาณาจักรไปจากมือบุตรชายของเขา และจะมอบให้เจ้าสิบเผ่า เราจะให้เผ่าหนึ่งแก่บุตรชายของเขา เพื่อดาวิดผู้รับใช้ของเราจะมีประทีปดวงหนึ่งต่อหน้าเราตลอดเวลาในเยรูซาเล็ม เมืองซึ่งเราเลือกให้ตัวเองเพื่อประดิษฐานชื่อของเราไว้ที่นั่น เราจะเอาตัวเจ้า และเจ้าจะปกครองทุกอย่างที่ใจของเจ้าประสงค์ และเจ้าจะเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล และถ้าเจ้าเชื่อฟังทุกสิ่งที่เราบัญชาเจ้า และดำเนินในทางทั้งหลายของเรา และทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายตาของเรา โดยรักษากฎเกณฑ์และบัญญัติของเรา เหมือนอย่างดาวิดผู้รับใช้ของเราได้ทำ แล้วเราจะอยู่กับเจ้า และจะสร้างราชวงศ์ที่มั่นคงให้เจ้า เหมือนที่เราได้สร้างให้ดาวิด และเราจะให้อิสราเอลแก่เจ้า เพราะเหตุนี้ เราจะให้ความทุกข์ใจแก่เชื้อสายของดาวิด แต่ไม่ใช่ตลอดไป’ ””
1 พงศ์กษัตริย์ 11:30-39 THSV11
นี้คือ เหตุการณ์หลังจากที่ โซโลมอน ทำชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ จนพระยาห์เวห์ ตัดสินใจ ฉีกอาณาจักรของเขาออก และยกให้ เยโรโบอัม ที่เป็นเพียงข้าราชการคนหนึ่งของโซโลมอน ครับ พระองค์สัญญาว่า ถ้าเยโรโบอัม เชื่อฟังคำสั่ง และบัญญัติของพระยาห์เวห์ รักษาวิถีของพระองค์ พระองค์จะอยู่กับเขา
ว้าวววว อะไรจะส้มหล่นขนาดนี้ เป็นเรา เราจะทำยังไงครับ ใช่แล้วทุกคนตอบว่า ถ้าเป็นผม ผมก็จะเชื่อฟังพระยาห์เวห์ สุดจิตสุดใจกันไปเลยใช่มั้ยครับ อ่ะมาดูต่อ มันเกิดอะไรขึ้น?
“ขอเสด็จไปทูลเยโรโบอัมว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า “เพราะเราได้ยกเจ้าขึ้นจากฝูงชน และทำให้เจ้าเป็นประมุขเหนืออิสราเอลประชากรของเรา และได้ฉีกราชอาณาจักรจากราชวงศ์ของดาวิดมาให้เจ้า แต่เจ้าก็ไม่เหมือนอย่างดาวิดผู้รับใช้ของเรา ผู้รักษาบัญญัติทั้งหลายของเรา และติดตามเราด้วยสุดใจของเขา ทำแต่สิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเรา แต่เจ้าได้ทำชั่วยิ่งกว่าทุกคนที่อยู่ก่อนเจ้า เจ้าไปสร้างพระอื่นและรูปหล่อโลหะ และทำให้เราโกรธ และได้เหวี่ยงเราทิ้งเบื้องหลังของเจ้า เพราะฉะนั้น นี่แน่ะ เราจะนำเหตุร้ายมาเหนือราชวงศ์ของเยโรโบอัม และจะตัดชายทุกคนจากเยโรโบอัม ทั้งทาสและไทในอิสราเอล และจะผลาญราชวงศ์เยโรโบอัมเสียอย่างสิ้นเชิง อย่างที่คนเผามูลสัตว์ให้ไหม้จนสิ้น ใครในวงศ์เยโรโบอัมที่ตายในเมือง สุนัขจะกิน และใครตายในทุ่งนา นกในอากาศจะกิน เพราะพระยาห์เวห์ตรัสแล้ว” ’”
1 พงศ์กษัตริย์ 14:7-11 THSV11
อะไรกันเนี้ย !!!! บร้าหรือป่าว เยโรโบอัม ทำไมคุณทำอะไรโง่ๆเช่นนี้ ผมเดาว่าคงเป็นความรู้สึกในใจทุกคนหลังจากได้อ่านวีรกรรมของเขาจริงมั้ยครับ? เยโรโบอัม ทรยศต่อพระยาห์เวห์ ด้วยการสร้างแท่นบูชาให้พระต่างด้าว และเขาต้องพบจุดจบ เรื่องราวตรงนี้สนุกมากๆ ผมแนะนำให้ไปลองอ่านทั้งหมดดู แต่นี้เป็นหนึ่งตัวอย่างของคนที่ได้เข้าไปในเรือแล้วไม่รู้จักคำว่า “การเชื่อฟัง” ครับ เยโรโบอัม ไม่ต่างอะไรกับ คนในเรือโนอาห์ที่ได้รับเลือกได้รับโอกาส แต่สุดท้ายเขาก็ต้องรักษาความเชื่อฟังของเขาในช่วงเวลาแห่งการทดลองต่างๆในชีวิตในช่วงเวลาที่กดดัน เช่นกัน และแน่นอนอย่างที่ผมบอก ถ้าเราอยู่ในเรือ หากเราไม่มีความไว้ใจยาห์เวห์ ดีพอ เราตัดสินใจจาก สายตาของเรา ประสบการณ์ส่วนตัวของเรา ผมว่า เป็นใคร ใครก็เปิดประตูเพื่อช่วยผู้คนที่กำลังใกล้ตายในเหตุการณ์น้ำท่วมโลกครั้งนั้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องตามสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ มาดูกันครับว่าในยุคสุดท้ายที่เป็นวันแห่งความมึดมิดมีคำสั่งให้ ผู้ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ห้ามออกไปจากที่ปลอดภัย คล้ายกับคนที่อยู่ในเรือโนอาห์ หรือไม่ ?
“เพราะว่าในเวลานั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีตั้งแต่เริ่มโลกมาจนถึงทุกวันนี้ และจะไม่เกิดขึ้นอีกเลย ถ้าไม่ได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีมนุษย์รอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่พวกที่ทรงเลือก จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า ในเวลานั้นถ้าใครจะบอกท่านทั้งหลายว่า ‘นี่แน่ะ พระคริสต์อยู่ที่นี่’ หรือ ‘อยู่ที่โน่น’ อย่าเชื่อเลย เพราะว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จหลายคนปรากฏขึ้น แสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อล่อลวงแม้พวกที่พระเจ้าทรงเลือกถ้าเป็นได้ นี่แน่ะ เราบอกพวกท่านไว้ก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าใครบอกท่านว่า ‘ดูซิ ท่านผู้นั้นอยู่ในถิ่นทุรกันดาร’ อย่าออกไป หรือบอกว่า ‘ดูซิ อยู่ที่ห้องชั้นใน’ ก็อย่าเชื่อ เพราะว่าฟ้าแลบจากทิศตะวันออกส่องไปจนถึงทิศตะวันตกอย่างไร การเสด็จมาของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นอย่างนั้น ซากศพอยู่ที่ไหนฝูงนกแร้งก็จะรุมล้อมกันอยู่ที่นั่น”
มัทธิว 24:21-28 THSV11
เคลียร์มากๆครับ จะมีคนของซาตานล่อลวงผู้เชื่อไม่น้อยให้ออกไปตายภายนอกที่กำบังเข้มแข็งที่พระยาห์เวห์ได้ประทานให้แต่ล่ะคนครับ ความเชื่อฟังและความวางใจเท่านั้น จะพาให้คุณผ่านช่วงเวลาวิกฤตการณ์แบบนี้ไปได้
นี้คือ น้ำมันในตะเกียง ที่ไม่อาจแบ่งให้กันได้จริงๆครับ คุณต้องสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวคุณเอง มันคือเวลาที่คุณสละให้กับพระยาห์เวห์เพื่อเรียนรู้จักหนทางของพระองค์ ไม่มีทางลัดแน่นอนครับ
และมาดูกับครับในถิ่นทุรกันดารที่ เจ้าสาวไปรวมกันและได้พบยาห์ชัวหน้าต่อหน้า พระองค์จะพิพากษาและตรวจสอบพวกเขาที่นั่นแล้วอะไรคือเกณฑ์ในการคัดเลือกสุดท้ายนั้นครับ
“และเราจะนำพวกเจ้าเข้าไปในถิ่นทุรกันดารของชนชาติทั้งหลาย และ ณ ที่นั่นเราจะพิพากษาเจ้าแบบหน้าต่อหน้า เราพิพากษาบรรพบุรุษของเจ้าในถิ่นทุรกันดารแห่งแผ่นดินอียิปต์อย่างไร เราจะพิพากษาพวกเจ้าอย่างนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ เราจะให้พวกเจ้าลอดผ่านใต้คทาไป และเราจะให้เจ้าเข้าสู่ข้อผูกมัดของพันธสัญญา เราจะชำระพวกกบฏเสียจากท่ามกลางเจ้า รวมทั้งพวกที่ละเมิดต่อเรา เราจะนำพวกเขาออกจากแผ่นดินที่เขาไปอาศัยอยู่ชั่วคราวนั้น แต่เขาจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินอิสราเอล แล้วเจ้าจะทราบว่า เราเองคือยาห์เวห์”
เอเสเคียล 20:35-38 THSV11
เห็นมั้ยครับ ยาห์ชัวร์จะทดสอบการเชื่อฟัง ของเจ้าสาว และค้นหา เชื้อความเป็น กบฏ หรือ ผู้ทรยศ ท่ามกลางเจ้าสาวในถิ่นทุรกันดารนั้น นี่คือ บทสรุปข้อใหญ่มากๆ ของการเตรียมตัวเข้าเรือโนอาห์ครับ ในถิ่นทุรกันดาร ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนคุณจะถูกทดสอบ เรื่องความไว้ใจ การเชื่อฟัง การรอคอย ความภักดี ความซื่อสัตย์ ในตัวคุณ
คุณคิดว่า คุณมีมันแล้วหรือยัง? มันพอมั้ยสำหรับช่วงเวลาอันมึดมิด? คุณอยู่ใน Judicial order ได้มากแค่ไหน?
คุณไว้ใจพระยาห์เวห์ ผ่านผู้นำ ได้มากแค่ไหน? นั้นคือ คำตอบและรายละเอียดทั้งหมดที่คุณต้องเตรียมตัว ใน 7 วันก่อนเข้าไปรอในเรือโนอาห์ และ ตลอด 40 วันและ อีก 150 วันกว่าน้ำจะลด คุณพร้อมมากแค่ไหนครับ?
ชาโลม
เอลเดอร์ โป้ง
EP 4 “What awaits us in the ark?”
(EN) In the last article, we discussed what is the way out in the dark day, what is the oil in the lamp, and what represents the ark that Noah built. We probably see that the answer is ‘the wilderness’, and do we know what awaits us in it? That is the origin of the name of this EP 4.
“What awaits us in the ark?” 7 days of preparation before entering the ark before the rain. That is the oil in the lamp that we have prepared as a reserve to keep us alive on the day of darkness, and we must continue our journey with this lamp and oil to meet the groom, like the 7 days that Noah had to prepare various animals and provisions to last in the ark for 40 days.
Genesis 7:12-13, 17
And the rain was on the earth forty days and forty nights. In this same day Noah and Shem and Ham and Japheth, the sons of Noah, and Noah’s wife, and the three wives of his sons with them, went into the ark; And the flood was on the earth forty days. And the waters increased, and bore up the ark, and it was lifted up above the earth.
The number 40 is the number of desolation and testing. We can see that this is the same number. Noah and his family were in the ark during the rain for 40 days until the water reached its peak. Let’s take a look at what happened during that time.
Genesis 7:17-24
And the flood was on the earth forty days. And the waters increased, and bore up the ark, and it was lifted up above the earth.
And the waters prevailed, and were greatly increased on the earth. And the ark floated on the face of the waters. And the waters prevailed, exceedingly violent on the earth, and all the high mountains under the heavens were covered. The waters prevailed, fifteen cubits upward, and the mountains were covered. And all flesh that moved on the earth died the fowl, and cattle, and beast, and every swarming thing that swarms on the earth, and all mankind. All died in whose nostrils was the breath of life, of all that was in the dry land. And every living thing which was on the face of the earth was wiped away, from man to cattle, and to the creeping things, and the fowl of the heavens. And they were wiped off from the earth, and only Noah was left, and those who were with him in the ark. And mighty were the waters over the earth a hundred and fifty days.
From the scripture, we learn that all living things gradually drowned to death little by little until they were all truly gone, except for everything that was in the ark. And if we don’t think too much about it, we might think, ‘Yeah, Noah and his family survived! There’s food in there, a safe place, and the animals are in pairs, ready to start anew.’ We might cheer and say, ‘Yeah!’ But if we envision the scenes as recorded in the scripture and try to imagine them based on reality, we will find another image that we may not have thought about much before. That is, the multitude of living beings around that submerged ark would be screaming, banging on the ark, cursing Noah for his lack of compassion, and cursing Yahweh for His cruelty. The scratches on the ark and the curses when they realize Noah has no way to let them in and that they are surely going to die.
What do you think, if you were on that ark, how would you feel? How much would the state of your mind, the cries for help, pressurize you? Would you open the door to help those people? And you know well that the one who closed the door is Yahweh and there is no order to help anyone else. Can you obey this? Do you realize that if you open the door, you would ruin all of Yahweh’s plan, and the people you help could kill everyone on the ark, including all the living creatures in it? Do you see that? I have examples for you to read some verses to help you see the picture more clearly.
1 Kings 11:30-39
And Ahijah laid hold on the new garment on him and tore it into twelve pieces. And he said to Jeroboam, Take ten pieces for yourself. For so says YAHWEH, Elohim of Israel, Behold, I am tearing the kingdom from the hand of Solomon and giving to you the ten tribes.
And he shall have the one tribe for my servant David’s sake, and for Jerusalem’s sake, the city which I have chosen out of all the tribes of Israel. Because they have forsaken Me, and bow themselves to Ashtoreth the goddess of the Sidonians, to Chemosh the god of Moab, to Milcom the god of the sons of Ammon; and have not walked in My ways, to do the right in My eyes, and My statutes and My judgments, as his father David did. But I will not take the whole kingdom out of his hand, but I will make him ruler all the days of his life, for My servant David’s sake, whom I chose, because he kept My commandments and My statutes. But I will take the kingdom out of his son’s hand, and will give it to you, ten tribes. And I will give one tribe to his son, that there may be a lamp to My servant David before Me all the days in Jerusalem, the city that I have chosen to Myself, to put My name there. And I will take you, and you shall reign according to all that your soul desires, and shall be king over Israel. And it shall be, if you shall hear all that I command you, and shall walk in My ways, and do that which is right in My eyes, to keep My statutes and My commandments, as My servant David did, then I shall be with you and shall build a sure house for you, as I built for David, and shall give Israel to you. And for this I will afflict the seed of David; but not forever.
This is the event that took place after Solomon did evil in the sight of Yahweh, causing Him to decide to tear the kingdom away from him and give it to Jeroboam, who was merely one of Solomon’s servants. He promised that if Jeroboam obeyed the commands and decrees and maintained His ways, He would be with him.Wow, what a windfall! If it were you, what would you do? Right, everyone would answer that if it were me, I would obey Yahweh wholeheartedly, wouldn’t I? Now, let’s see what happened next.
1 Kings 14:7-11
Go, say to Jeroboam, So says YAHWEH, Elohim of Israel, Because I have exalted you from among the people, and have appointed you leader over My people Israel; and have torn the kingdom from the house of David, and have given it to you, and you have not been as My servant David who kept My commandments, and who walked after Me with all his heart, to do only that which is right in My eyes; and you did evil above all who have been before you, and went and made for yourself other Elohim and cast images to provoke Me to anger; and you have cast Me behind your back therefore, behold, I am bringing evil to the house of Jeroboam, and will cut off from Jeroboam him who urinates against the wall, bound and free in Israel; and will sweep away the rest of the house of Jeroboam as a man sweeps away the dung, until it is all gone. The dogs shall eat those of Jeroboam who die in the city. And the birds of the heavens shall eat those who die in a field; for YAHWEH has spoken.
What is this!!!! Are you crazy, Jeroboam? Why are you doing such foolish things? I guess this must be the feeling in everyone’s heart after reading about his exploits, right? Jeroboam betrayed Yahweh by making altars for foreign gods, and he had to face the consequences. This story is really entertaining, and I recommend you read it all. But this is one example of someone who gets in the ark and doesn’t know the meaning of ‘obedience’.
Jeroboam is no different from the people on Noah’s Ark who were chosen and given opportunities, but in the end, he had to maintain his obedience during various trials in life during stressful times, just as I mentioned. If we are on the ark, if we do not trust Yahweh well enough, we decide based on our sight and personal experiences. I think, no matter who we are, everyone opens the door to help those who are about to die in that global flood event, but that is not the right thing according to Yahweh’s perspective. Let’s see if, in the last days, which are days of darkness, there is a command for those who are in the wilderness not to leave their safety places, similar to the people who were on Noah’s Ark.
Matthew 24:21-28
For there will be great suffering, such as has not happened from the beginning of the world until now, no, nor ever will be. And except those days were shortened, not any flesh would live. But on account of the chosen, those days will be shortened. Then if anyone says to you, Behold, here is the Messiah! Or, Here! Do not believe. For false Messiahs and false prophets will rise up. And they will give great signs and wonders, so as to lead astray, if possible, even the chosen. Behold, I tell you beforehand. Then if they say to you, Behold, He is in the wilderness; do not go out. Behold, He is in the inner rooms; do not believe. For as the lightning comes forth from the east and shines as far as the west, so also will be the coming of the Son of Man. For wherever the dead body may be, there the eagles will be gathered.
Very clear. There will be people from Satan tempting many believers to go out and die outside the strong shelter that Yahweh has given to each person. Only obedience and trust can take you through such crisis. This is the oil in the lamp that cannot be shared. You must build it yourself. It is the time you dedicate to Yahweh to learn His ways. There is no shortcut.
And let’s see in the wilderness where the bride gathers and meets Yahshua face to face. He will judge and examine them there, and what is the criterion for that final selection?
Ezekiel 20:35-38
And I will bring you into the wilderness of the peoples, and I will be judging with you there face to face. Just as I was judging your fathers in the wilderness of the land of Egypt, so I will be judging you, declares Adonai YAHWEH. And I will cause you to pass under the rod, and I will bring you into the bond of the covenant. And I will purge from among you the rebels and the transgressors against Me. I will bring them out of the land where they reside, and they shall not enter into the land of Israel. And you shall know that I am YAHWEH.
Do you see? Yahshua will test the obedience of the bride and search for the seed of rebellion or treachery among the brides in that wilderness. This is a very important conclusion about preparing to enter Noah’s Ark in the wilderness. Wherever you are, you will be tested on trust, obedience, waiting, loyalty, and honesty within yourself. Do you think you have it yet? Is it enough for the dark times? How much are you in Judicial order?
How much do you trust Yahweh through the leaders? That is the answer and all the details you need to prepare in the 7 days before entering the Ark of Noah, and throughout the 40 days and another 150 days until the water recedes. How ready are you?
Shalom
Elder Pong
Congregation of YHWH, Thailand ชุมชนของพระยาห์เวห์ แห่งประเทศไทย
