Menu
Ep ที่ 6 “ เรือโนอาห์ในยุคสุดท้าย ”
(TH) สวัสดีครับใน Ep นี้เราจะพูดถึงตัวแทนของเรือที่ยาห์เวห์สั่งให้โนอาห์สร้างขึ้นมีรายละเอียดที่น่าสนใจที่สะท้อนให้เราได้นึกถึงอะไรหลายอย่างในยุคของเราครับไปดูพระคำกันก่อน
“เจ้าจงต่อเรือด้วยไม้สนโกเฟอร์ แล้วทำเรือเป็นห้องๆ และยาชันทั้งข้างในข้างนอก จงต่อเรือนั้นตามแบบนี้ คือ ยาว 133 เมตร กว้าง 22 เมตร สูง 13 เมตร จงทำช่องสำหรับเรือให้เสร็จโดยให้ห่างจากข้างบน 44 เซนติเมตร จงตั้งประตูเรือที่ด้านข้าง และทำดาดฟ้าชั้นล่าง ชั้นที่สองและที่สาม เพราะดูเถิด เราเองจะเป็นผู้ทำให้น้ำท่วมแผ่นดิน เพื่อทำลายมนุษย์และสัตว์ใต้ฟ้าที่มีลมปราณ ทุกสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินจะตายสิ้น แต่เราจะตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับเจ้า เจ้าจะเข้าอยู่ในเรือ ทั้งตัวเจ้า บรรดาบุตรของเจ้า ภรรยาของเจ้า และบรรดาบุตรสะใภ้ของเจ้า จงนำสัตว์ตัวผู้และตัวเมียทุกชนิดอย่างละคู่จากสัตว์ที่มีชีวิตทั้งปวงเข้าไปไว้ในเรือ เพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่กับเจ้า นกตามชนิดของมัน สัตว์ตามชนิดของมัน สัตว์เลื้อยคลานบนแผ่นดินตามชนิดของมัน ทุกชนิดอย่างละคู่จากสัตว์ทั้งปวงต้องมาหาเจ้า เพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้ เจ้าจงนำอาหารทุกอย่างที่กินได้ไปกับเจ้า และสะสมเพื่อเป็นอาหารของเจ้าและของบรรดาสิ่งมีชีวิต” พระเจ้าทรงบัญชาให้โนอาห์ทำอย่างไร โนอาห์ก็ทำอย่างนั้นทุกประการ”
ปฐมกาล 6:14-22 THSV11
สิ่งแรกเลยคือ โนอาห์สร้างเรือลำนี้อยู่ หลายปีครับ ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ หลายท่านลงความเห็นว่า น่าใช้เวลาราวๆ 70-100 ปี เพราะโนอาห์ถูกกล่าวถึงตอนอายุ 500 ปี และโนอาร์มีอายุ 600 เมื่อน้ำเริ่มท่วมโลก ก็จะอยู่ราวๆนี้ครับไม่สามารถบอกได้ชัดเจน รายละเอียดของเรือถูกระบุอย่างชัดเจนถึงความสูง ความกว้าง และ ยาห์เวห์ให้แบ่งดาดฟ้าเป็น 3 ชั้น ฟังดูคล้ายกับ พลับพลาของโมเสสที่ถูกแบ่งออกเป็นสามชั้นเช่นกัน นั้นหมายถึง ลักษณะความเชื่อผู้เชื่อในแต่ล่ะระดับ ตามที่ผมเทศนาไปเมื่อสะบาโตที่ผ่านมา เรื่อง Called chosen Fiathful ซึ่งเป็นการนำคำเทศนาของเอลเดอร์ ดอน มาถ่ายทอดต่อนั้นเอง
ที่นี้สิ่งนี้น่าสนใจตรงที่เมื่อพิจารณาถึงลักษณะของการเตรียมเรือและสัตว์ที่ต้องพาเข้าไปในเรือ รวมถึงอาหารที่ต้องใช้ในการดำรงชีวิตระหว่างอยู่ในเรือ และครอบครัวของโนอาห์ ที่ไม่ได้มีเพียงเขาและภรรยา แต่มีลูกชายอีกสามและลูกสะใภ้ทั้งสาม อีกด้วย ภาพรวมนี้ทำให้เราอดนึกถึง การสร้างคีบุช ในยุคปัจจุบันไม่ได้เลยครับ
ลองนึกภาพตามว่า ถ้าโนอาห์ อยู่กันแค่ภรรยาของคน จะดูแลภาระกิจนี้หมดได้อย่างไร การให้อาหารสัตว์ การดูแลจัดการสิ่งต่างๆภายในเรือ การหนุนใจระหว่างช่วงที่น้ำท่อวและรอจนกว่าน้ำจะลดอยู่อีกกว่า 300 วัน
มันยากมากๆที่จะผ่านเรื่องทั้งหมดนี้ไปเพียงแค่คนสองคน
ในยุคสุดท้ายนี้การเตรียมตัวเองให้อยู่รอดในวันอันมึดมิดนั้น จึงจำเป็นต้องมีชุมชนที่อยู่ในลักษณะของ Community Livng หรือ คีบุช นั้นเองครับ ในช่วงเวลาที่เราซื้อขายอะไรกับใครไม่ได้แล้วก็ไม่ต่างกับ คนในเรือที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ให้ได้ ด้วยเสบียงอาหารที่เตรียมเอาไว้ และ กำลังใจจากคนภายในเรือ โดยที่ไม่สามารถออกไปสู่ภายนอกเรือได้ในช่วงเวลาที่น้ำกำลังท่วม ถ้าเราพิจารณาคำเตือนจาก วิวรณ์บทที่ 13 ที่เราพูดถึงเมื่อวานถ้าเราอ่านต่อไปอีกหน่อย จะพบว่า ระบบซาตานจะบังคับให้รับเครื่องหมายของมันเพื่อจะสามารถซื้อขายกับคนอื่นๆได้ และแน่นอนครับเราจะไม่รับเครื่องหมายนี้เด็ดขาด ดังนั้นการเตรียมตัวในทางกายภาพก็จำเป็นมากๆ แต่มากไปกว่าการเตรียมคือการมีชุมชนที่ถูกต้องไว้คอยช่วยเหลือในยามวิกฤตครับ
“และมันยังบังคับทุกคน ทั้งคนเล็กน้อยและคนใหญ่โต คนมั่งมีและคนยากจน เสรีชนและทาสให้รับเครื่องหมายไว้ที่มือขวาหรือที่หน้าผากของพวกเขา เพื่อไม่ให้ใครสามารถซื้อหรือขายได้ ถ้าหากไม่มีเครื่องหมายที่เป็นชื่อของสัตว์ร้าย หรือเป็นตัวเลขของชื่อมัน”
วิวรณ์ 13:16-17 THSV11
และทราบมั้ยครับการจะสร้าง Community Living ขึ้นมาสักที่นึง ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1-3 ปีน่ะครับจากประสบการณ์ ที่ผมทำมาตลอด 15 ปี กว่าเราจะได้ผู้คนที่ลงตัวที่จะฝากฝั่งและไว้ใจกันได้จริงๆ เราต้องใช้เวลาในการเริ่มทำความรู้จักและปรับสภาพตัวเราเองและรอให้เพื่อนๆปรับตัวเขาด้วยเช่นกัน มันคล้ายการสร้างเรือมากๆ ครับ ชุมชนที่แข็งแรงจะสามารถทนสภาพวะของพายุและน้ำที่ท่วมตลอด เกือบ 1 ปีได้เรือต้องถูกสร้างมาอย่างดีพอสมควร ถึง ชุมชนที่จะอดทนจนถึงที่สุดได้ก็ต้องถูกเตรียมมาอย่างดีเช่นกัน
การจัดการปัญหา การดูแลสิ่งต่างๆ และการให้ความไว้วางใจและซื่อสัตย์ต่อพี่น้องในคีบุชเป็นเรื่องสำคัญมากๆครับทุกคนต้องมีความรักกันและกันและไม่ทรยศในวันอันมึดมิดนั้นให้ได้ เพราะหากมีใครสักคนนำคนนอกเข้ามาโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากผู้ดูแลชุมชน คุณอาจนำภัยมาสู่ทุกคนได้ อาจอันตรายถึงชีวิตเลยน่ะครับ อย่างที่บางคนได้มีโอกาสดูภาพยนตร์อัตถประวิตชีวิตของ ริชาร์ต วอมแบรน ที่แสดงภาพให้เราเห็นสถานการณ์วิกฤตว่าอะไรคือสิ่งสำคัญในยามน่าสิ่วน่าขวานอย่างนั้น ใช่แล้วครับ ความซื่อสัตย์ คือ สิ่งสำคัญมากๆ การที่พี่น้องจะไม่ขายพี่น้องกันเองเพื่อเอาตัวรอดในยามวิกฤต ไม่ให้ข้อมูลที่อาจนำภัยมาสู่ชุมชน และมีความระมัดระวังและความสามารถในการเอาตัวรอดเมื่อถูกบีบเพื่อเอาข้อมูลสำคัญบางอย่าง แม้ต้องสละชีวิตก็ยอมเพื่อปกป้องพี่น้องในชุมชนที่เหลือ ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาสร้างไม่น้อยครับ
การที่คนไม่รู้จักกันมาก่อนจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันและรักกันยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆสามารถตายแทนกันได้ นั้นไม่ง่ายแต่สามารถค่อยๆก่อค่อยๆสร้างความสัมพันธ์แบบนี้ขึ้นมาได้ครับ นี้คือ ภาพของเรือโนอาห์ที่แข็งแกร่งท้าแดดท้าฝนตลอด หนึ่งปี เพื่ออดทนจนถึงที่สุดเพื่อรอวันเริ่ม ยุคใหม่ตามพระสัญญานั้นเอง
ก่อนจะจบบทความใน EP นี้ผมข้อฝากข้อคิดไว้สั้นๆสำหรับผู้ต้องการเป็นชาว ฟิลาเดลเฟียน่ะครับ
เตรียมตัวเร็วไป 10 ปี ดีกว่า ช้าไป 1 วัน ครับ ” และประกอบตัวพระคำข้อนี้ครับ
“พี่น้องทั้งหลาย เรื่องวันและเวลาที่ทรงกำหนดไว้นั้น ไม่จำเป็นต้องเขียนบอกให้ท่านรู้ เพราะท่านเองก็รู้ดีแล้วว่า วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาอย่างขโมยที่มาในเวลากลางคืน เมื่อเขาพูดกันว่า “สงบสุขและปลอดภัยแล้ว” เมื่อนั้นแหละความพินาศก็จะมาถึงทันที เหมือนกับความเจ็บปวดมาถึงหญิงมีครรภ์ พวกเขาจะหนีก็ไม่พ้น แต่พี่น้องทั้งหลาย ท่านไม่อยู่ในความมืดแล้ว วันนั้นไม่น่าจะมาถึงท่านอย่างขโมยมา ท่านทุกคนเป็นลูกของความสว่าง และเป็นลูกของเวลากลางวัน เราไม่ได้เป็นของกลางคืนหรือของความมืด เพราะฉะนั้นเราอย่าหลับเหมือนอย่างคนอื่น แต่ให้เราเฝ้าระวังและมีสติ เพราะว่าคนนอนหลับก็ย่อมหลับในเวลากลางคืน และคนเมาก็ย่อมเมาในเวลากลางคืน แต่เมื่อเราเป็นของเวลากลางวันแล้วก็ให้เรามีสติ จงสวมความเชื่อกับความรักเป็นเกราะป้องกันอก และสวมความหวังที่จะได้ความรอดเป็นหมวกเหล็ก เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงกำหนดเราไว้สำหรับพระพิโรธ แต่สำหรับการรับความรอด โดยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้สิ้นพระชนม์เพื่อเรา เพื่อว่าถึงจะตื่นอยู่หรือจะหลับ เราจะได้มีชีวิตกับพระองค์ เพราะฉะนั้นจงหนุนใจกัน และต่างคนต่างจงเสริมสร้างกันขึ้น ตามอย่างที่พวกท่านกำลังทำอยู่นั้น”
1 เธสะโลนิกา 5:1-11 THSV11
นั้นหมายความว่า ชาวฟิลาเดลเฟีย ไม่จำเป็นต้องรู้เวลาของการเสด็จกับมาว่าเป็นวันไหนครับ เพราะพวกเขาพร้อมเสมอ พระเมสิยาห์จะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้เพราะพวกเขาพร้อมอยู่แล้ว นั้นเอง
ชาโลมครับ
เอลเดอร์ โป้ง
EP 6 “ Noah’s Ark in the End Time ”
(EN) Hello, in this episode we will talk about the representative of the ark that Yahweh commanded Noah to build, which has interesting details that remind us of many things in our time. Let’s look at the scriptures first.
Genesis 6:14-22
Make an ark of cypress timbers for yourself. You shall make rooms in the ark; and you shall cover it with asphalt inside and out. And you shall make it this way; The length of the ark shall be three hundred cubits, its breadth fifty cubits, and its height thirty cubits. You shall make a window in the ark, and you shall finish it above to a cubit. And you shall set the door of the ark in its side. You shall make it with lower, second, and third stories. And behold, I, even I, am bringing a flood of waters on the earth in order to destroy all flesh in which is the breath of life from under the heavens. Everything which is on the earth shall die. And I will establish My covenant with you. And you shall come into the ark, you and your sons and your wife and your sons’ wives with you. And you shall bring into the ark two of every kind, of every living thing of all flesh, to keep alive with you; they shall be male and female; from the birds according to its kind, and from the cattle according to its kind, from every creeping thing of the ground according to its kind. Two from each shall come in to you to keep alive. And take for yourself all food that is eaten, and gather to yourself. And let it be for you and for them for food. And Noah did so, according to all that Elohim appointed him to do, so he did.
The first thing is that Noah built this ark for many years. Many biblical experts agree that it took about 70-100 years because Noah is mentioned at the age of 500 and was 600 years old when the waters started to flood the earth, so it was around this time. It’s not possible to say clearly. The details of the ark are clearly specified regarding its height, width, and Yahweh instructed to divide the deck into three levels. This sounds similar to the tabernacle of Moses which was also divided into three levels. This signifies the nature of the faith of believers at each level, as I preached last Sabbath about The Called, The Chosen, The Faithful, which conveys Elder Don’s sermon.
What is interesting here is that when considering the characteristics of preparing the ark and the animals that needed to be brought onto it, including the food required for survival during the time on the ark, and Noah’s family, which consisted of not just him and his wife but also his three sons and their wives, this overall picture makes it hard not to think about building a kibbutz in today’s era. Imagine trying to manage this task if Noah were only with his wife; how would they handle all the responsibilities? Feeding the animals, managing things within the ark, encouraging each other during the time the waters were high and waiting for the water to recede, which lasted over 300 days, it is extremely difficult to get through all of this with just two people.
In this end time, preparing oneself to survive during dark days requires the existence of a community in the form of Community Living or Kibbutz. In times when we can no longer trade or engage with others, it is not much different from people on the ark who must survive with the supplies they have prepared and the encouragement from those within the ark, while unable to go outside during a flooding situation. If we consider the warning from Revelation Chapter 13 that we discussed yesterday, if we read further, we will find that the Satanic system will force people to receive its mark in order to be able to trade with others. And of course, we will definitely not accept this mark. Therefore, physical preparation is crucial, but more than that, having the right community to support us in times of crisis is essential.
Revelation 13:16-17
And the small and the great, and the rich and the poor, and the freemen and the slaves, it causes that they give to them all a mark on their right hand, or on their foreheads, even that not any could buy or sell, except the one having the mark, or the name of the beast, or the number of its name.
And do you know that creating a Community Living space takes no less than 1-3 years? Based on my experience over the past 15 years, it takes time to find people who truly fit together and can be trusted. We need time to get to know each other and adjust ourselves while waiting for our friends to adapt as well. It’s very much like building the ark. A strong community can withstand the harsh conditions of storms and floods for nearly a year. The ship must be built well enough, and the community that can endure to the end must also be well-prepared.
Managing problems, taking care of things, and providing trust and honesty among the brothers in Kibbutz is very important. Everyone must love each other and not betray one another in those dark days. Because if someone brings outsiders in without the approval of the community caretaker, it could bring danger to everyone. It could even be life-threatening. As some have had the opportunity to see the documentary film about Richard Wurmbrand, which illustrates the situation of crisis and what is important in such a threatening time.
Yes, that’s right. Honesty is very important. The fact that brothers will not betray each other to survive in times of crisis, not providing information that could harm the community, and having the caution and capability to survive when pressured to disclose important information, even if it means sacrificing their lives to protect the remaining brothers in the community, requires a significant amount of time to build.
The fact that people who do not know each other before can live together and love each other more than real brothers, even being able to die for each other, is not easy but can slowly build this kind of relationship over time. This is the image of Noah’s Ark, strong and enduring through sun and rain for a whole year, to patiently wait until the end to await the day of the new era according to Yahweh’s promise.
Before I conclude this episode, I would like to leave a short thought for those who wish to become Philadelphia believers. “It’s better to prepare 10 years early than 1 day late.” And this is accompanied by this scripture.
1 Thessalonians 5:1-11
But concerning the times and the seasons, brethren, you have no need that I write to you. For you yourselves know accurately that the day of YAHWEH comes as a thief in the night. For when they say, Peace and safety! Then suddenly destruction comes upon them, like the travail to the woman with child, and not at all shall they escape. But you, brethren,, are not in darkness, that the Day should overtake you as a thief. You are all sons of light and sons of day; we are not of night, nor of darkness. So then, we should not sleep, as the rest also do, but we should watch and be sober. For those sleeping sleep by night, and those having been drunk are drunk by night. But let us who are children of the day be alert, putting on “the breastplate of faith and love, and as a helmet put on the hope of salvation;” because YAHWEH has not appointed us to wrath, but for obtaining of salvation through our Master Yahshua Messiah, He dying on our behalf, so that whether we are awake or we sleep, we may live together with Him. Therefore, encourage one another, and build up one another, as you indeed do.
That means the people of Philadelphia do not need to know when the return will be because they are always ready. The Messiah can return at any time because they are already prepared.
Shalom
Elder Pong
Congregation of YHWH, Thailand ชุมชนของพระยาห์เวห์ แห่งประเทศไทย
