Menu
Ep ที่ 8 “เพราะว่าเราเสียใจที่ได้สร้างพวกเขา”
(TH) “พระยาห์เวห์ทรงเห็นว่าความชั่วร้ายของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน และทรงเห็นว่าเค้าความคิดในใจทั้งหมดของเขาล้วนเป็นเรื่องชั่วร้ายตลอดเวลา พระยาห์เวห์เสียพระทัยที่ทรงสร้างมนุษย์ไว้บนแผ่นดินและโทมนัสยิ่งนัก พระยาห์เวห์จึงตรัสว่า “เราจะกวาดล้างมนุษย์ที่เราได้สร้างมานี้ไปเสียจากแผ่นดิน ทั้งมนุษย์และสัตว์ใช้งาน กับสัตว์เลื้อยคลานและนกในอากาศด้วย เพราะว่าเราเสียใจที่ได้สร้างพวกเขา” แต่โนอาห์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์”
ปฐมกาล 6:5-8 THSV11
นี้คือ ข้อพระคำที่น่าสะเทือนใจมากที่สุด อะไรทำให้พระยาห์เวห์เสียใจที่ได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาครับ ? ใช่แล้วนั้นเพราะว่า ยุคของโนอาห์ ผู้คนเลือกที่จะทำบาป รักความชั่วกันหมด มีเพียงโนอาห์และครอบครัวเท่านั้นที่พระยาห์เวห์พอพระทัย แน่นอนเพราะโนอาห์ไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ในยุคนั้น และเรามาดูขอพระคำ สำหรับยุคสุดท้ายกันครับ ว่ามีแนวโน้มมากแค่ไหน ที่โลกใบนี้ในช่วงสุดท้าย จะเป็นเหมือนยุคของโนอาห์ เหมือนอย่างที่ ยาห์ชัว ได้ เตือนคนยุคสุดท้ายเอาไว้
“ขณะนั้นเกิดสงครามขึ้นในสวรรค์ มีคาเอล กับบรรดาทูตสวรรค์ของท่านต่อสู้กับพญานาค และพญานาคกับบริวารของมันก็ต่อสู้ แต่มันพ่ายแพ้และพบว่าไม่มีที่อยู่สำหรับพวกมันในสวรรค์อีกต่อไป พญานาคใหญ่ตัวนั้นคืองูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตานผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก มันถูกโยนลงมาที่แผ่นดินโลก และเหล่าบริวารของมันถูกโยนลงมากับมันด้วย และข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังในสวรรค์กล่าวว่า “บัดนี้ความรอดและฤทธิ์เดช และอาณาจักรของพระเจ้าของเรา และสิทธิอำนาจของพระคริสต์ของพระองค์มาถึงแล้ว เพราะว่าผู้กล่าวหาพี่น้องของเรา ถูกโยนลงไปแล้ว คือผู้ที่กล่าวหาพวกเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเราทั้งกลางวันและกลางคืนนั้น พวกเขาชนะมารด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก และด้วยคำพยานของพวกเขาเอง และพวกเขาไม่ได้รักตัวกลัวตาย เพราะเหตุนี้จงรื่นเริงยินดีเถิด สวรรค์และบรรดาผู้ที่อยู่ในสวรรค์ แต่วิบัติจะมีแก่แผ่นดินโลกและทะเล เพราะว่ามารได้ลงมาหาเจ้าทั้งหลาย ด้วยความเดือดดาลอย่างยิ่ง เพราะมันรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย””
วิวรณ์ 12:7-12 THSV11
เมื่อเราอ่านพระคำในวิวรณ์ 12 เราเห็นอะไรคุ้นๆ มั้ยครับ ใช่อีกแล้ว นี้คือฉากสำคัญ เพราะ ซาตานจะลงมาอยู่ร่วมกับมนุษย์ เหมือน ในยุคของโนอาห์
“อยู่มามนุษย์เริ่มทวีมากขึ้นบนแผ่นดินและมีบุตรหญิง บุตรชายของพระเจ้าเห็นว่าบุตรหญิงของมนุษย์งามดีก็เลือกและรับไว้เป็นภรรยา พระยาห์เวห์จึงตรัสว่า “วิญญาณของเราจะไม่ต่อสู้กับมนุษย์ตลอดกาล เพราะมนุษย์เป็นแต่เนื้อหนัง วันเวลาของเขาคือ 120 ปี” เวลานั้นมีคนเนฟิลอยู่บนแผ่นดิน ภายหลังที่บุตรชายของพระเจ้าเข้าหาบุตรหญิงของมนุษย์และมีบุตร คือ พวกที่เป็นเหล่านักรบในโบราณกาล เป็นพวกที่มีชื่อเสียง”
ปฐมกาล 6:1-4 THSV11
เอลเดอร์ ดอน เล่าให้ฟังที่โรงเรียน Hayahad ว่า อาจารย์ เชื่อว่า ในช่วงท้ายสุดจริงๆ จะเป็นช่วงที่ยาห์เวห์ อนุญาตให้ อำนาจของซาตาน ได้ครอบครองแผ่นดินโลกจนถึงขีดสุด และจากพระธรรมวิวรณ์ บทที่ 12 เป็นไปได้มากๆ ที่ มนุษย์จะได้เห็นซาตานตัวเป็นๆ แต่ที่เศร้าคือ มนุษย์จะก้มลงกราบนมัสการเหล่าบรรดา ทูตสวรรค์ตกสวรรค์ เหล่านั้น ไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้ว่าพวกมันเป็นใคร แต่เพราะ มนุษย์ที่เหลืออยู่โดยส่วนใหญ่ จะกลัวเหล่ามารซาตานที่ตกสวรรค์มากๆ จนต้องยอมก้มหัวให้พวกมันหมด นั้นคือ คือว่า อัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้
มีคนเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่ยืนหยัดต่อสู่กับมารซาตาน อย่างที่ผมเล่าให้ฟังเมื่อวานว่าในยุคสุดท้ายทคนจะหายากยิ่งกว่าทองคำ อยู่แล้ว ผู้ที่คนที่รักและภักดีต่อ ยาห์เวห์ จริงๆจะหายากมากขนาดไหน นั้นคือวิธีการสู้ของธรรมิกชน คือ ยืนหยัดที่ไม่นมัสการซาตานแม้ต้องลำบาก หรือ อาจแลกด้วยชีวิต นั้นเหมือนในยุคของโนอาห์ อีกแล้วที่มีเพียงครอบครัวของโนอาห์เท่านั้น ที่พระยาห์เวห์ พอพระทัย
“และข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังในสวรรค์กล่าวว่า “บัดนี้ความรอดและฤทธิ์เดช และอาณาจักรของพระเจ้าของเรา และสิทธิอำนาจของพระคริสต์ของพระองค์มาถึงแล้ว เพราะว่าผู้กล่าวหาพี่น้องของเรา ถูกโยนลงไปแล้ว คือผู้ที่กล่าวหาพวกเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเราทั้งกลางวันและกลางคืนนั้น พวกเขาชนะมารด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก และด้วยคำพยานของพวกเขาเอง และพวกเขาไม่ได้รักตัวกลัวตาย เพราะเหตุนี้จงรื่นเริงยินดีเถิด สวรรค์และบรรดาผู้ที่อยู่ในสวรรค์ แต่วิบัติจะมีแก่แผ่นดินโลกและทะเล เพราะว่ามารได้ลงมาหาเจ้าทั้งหลาย ด้วยความเดือดดาลอย่างยิ่ง เพราะมันรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย””
วิวรณ์ 12:10-12 THSV11
เห็นมั้ยครับ พวกชนะมารซาตานได้เพราะ เขามียาห์ชัวที่อยู่ในเขา ด้วยคำพยานของพวกเขาที่ร่วมมือกับพระวิญญาณบริสุทธิ์จนสามารถเอาชนะความบาปต่างๆได้จริงๆ จนความตายไม่อาจขู่อะไรพวกได้อีกต่อไป พวกเขาไม่กลัวอะไรอีกแล้ว แต่เต็มไปด้วยความรัก และ ความเชื่อ ในพระสัญญาของพระยาห์เวห์ อย่างเต็มเปี่ยม
“คนใดที่กำหนดไว้ให้เป็นเชลย คนนั้นก็จะไปเป็นเชลย คนใดที่กำหนดไว้ให้ถูกฆ่าด้วยดาบ คนนั้นก็ต้องถูกฆ่าด้วยดาบ นี่แหละคือความทรหดอดทนและความเชื่อที่ธรรมิกชนทั้งหลายจะต้องมี”
วิวรณ์ 13:10 THSV11
แม้ต้องถูกบีบบังคับ ให้จมมุม แค่ไหน พวกเขาก็ยังคงซื่อสัตย์ต่อเจ้าบ่าวของพวกเขา
“และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งซึ่งเป็นองค์ที่สามก็ตามไปประกาศด้วยเสียงดังว่า “ถ้าใครบูชาสัตว์ร้ายและรูปของมัน และรับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือที่มือของเขา คนนั้นจะต้องดื่มเหล้าองุ่นแห่งความกริ้วของพระเจ้าที่เทลงในถ้วยแห่งพระพิโรธของพระองค์โดยไม่เจือปนสิ่งใด และเขาจะถูกทรมานด้วยไฟและกำมะถัน ต่อหน้าบรรดาทูตสวรรค์บริสุทธิ์และเฉพาะพระพักตร์พระเมษโปดก และควันแห่งการทรมานของเขาจะพลุ่งขึ้นตลอดไปเป็นนิตย์ พวกที่บูชาสัตว์ร้ายและรูปของมัน และใครที่รับเครื่องหมายซึ่งเป็นชื่อของมัน จะไม่ได้หยุดพักเลยทั้งกลางวันและกลางคืน” นี่แหละคือความทรหดอดทนที่พวกธรรมิกชนจะต้องมี คือพวกที่ถือรักษาพระบัญญัติของพระเจ้า และจงรักภักดีต่อYAHSHUA และข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า “จงเขียนไว้เถิดว่า ตั้งแต่นี้ไป คนทั้งหลายที่ตายในองค์พระผู้เป็นเจ้าก็เป็นสุข” และพระวิญญาณตรัสว่า “จริงอย่างนั้น พวกเขาจะได้หยุดพักจากการตรากตรำของเขา เพราะการงานที่พวกเขาได้ทำนั้นจะติดตามเขาไป””
วิวรณ์ 14:9-13
แม้โลกจะเต็มไปด้วยการอธรรมแค่ไหน การบีบบังคับ การข่มเหง แม้โลกจะเปลี่ยนไปแค่ไหนซาตานใช้อำนาจของมันมากแค่ไหน ก็ไม่อาจทำให้พวกเขาเลิก ยึดถือ โทราห์ ได้ พวกเขา ไม่ประณีประนอม จนหยดสุดท้ายจริงๆ
พวกเขายังรักษา ความภักดีที่มีต่อ องค์จอมเจ้านาย ยาห์เวห์ ของพวกเขาอย่างเต็มกำลัง พวกเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เพื่อจะผ่านช่วงเวลาที่ มึดมนที่สุดไปได้ เพราะพวกเขารู้วิธีจะเอาชนะความบาปจากเนื้อหนังที่ทำให้เขาตกเป็นทาสในอดีต แต่พวกเขาได้รับการปลดปล่อยโดยพระโลหิตของยาห์ชัว และได้รับชัยชนะร่วมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระยาห์เวห์ ที่อยู่ภายในเขา พวกเขาฝึกฝนตัวเองทุกวันที่จะเอาชนะความอ่อนแอต่างๆ และเลือกดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ จนไม่มีสิ่งใดจะทำให้พวกเขาขลาดกลัวได้อีก
“แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เรามีชัยเหลือล้นโดยพระองค์ผู้ทรงรักเราทั้งหลาย เพราะข้าพเจ้าแน่ใจว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่งใดๆ อื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถทำให้เราขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในยาห์ชัวพระเมสิยาห์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้”
โรม 8:37-39 THSV11
พวกคือ ผลแรกของยาห์ชัวผู้เป็นผลแรกของพระยาห์เวห์ ที่ได้ทรงไถ่ไว้ แล้วจากแผ่นดินโลก พวกเขาจะมีชีวิตที่บริสุทธิ์และมากไปกว่า คือ พวกเลือกจะมีชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์ อย่างเต็มกำลัง
“แล้วข้าพเจ้าเห็น นี่แน่ะ พระเมษโปดกทรงยืนอยู่บนภูเขาศิโยน และพวกที่อยู่กับพระองค์ซึ่งมีจำนวน 144,000 คนนั้น เป็นผู้ที่มีพระนามของพระองค์และพระนามของพระบิดาของพระองค์เขียนไว้บนหน้าผากของพวกเขา และข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากสวรรค์ เหมือนอย่างเสียงน้ำมากหลาย และเหมือนอย่างเสียงฟ้าร้องดังสนั่น และเสียงที่ข้าพเจ้าได้ยินนั้นเหมือนอย่างเสียงที่พวกดีดพิณกำลังเล่นพิณของเขาอยู่ เขาทั้งหลายร้องเพลงบทใหม่หน้าพระที่นั่ง และต่อหน้าสิ่งมีชีวิตทั้งสี่และพวกผู้อาวุโส ไม่มีใครสามารถเรียนรู้เพลงบทนั้นนอกจากคน 144,000 คน ที่ได้รับการไถ่แล้วจากแผ่นดินโลก คนเหล่านี้เป็นคนที่ปราศจากมลทิน เพราะว่าพวกเขาบริสุทธิ์ เป็นพวกที่ติดตามพระเมษโปดกไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน พวกเขาเป็นผู้ที่ได้รับการไถ่แล้วจากมวลมนุษย์เพื่อเป็นผลแรกถวายแด่พระยาห์เวห์ และแด่พระเมษโปดก และในปากของพวกเขาไม่พบความเท็จ เขาเป็นคนที่ปราศจากตำหนิ”
วิวรณ์ 14:1-5
ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นภายในชั่วข้ามคืน แต่มาจากการเตรียมชีวิตและฝึกฝนทุบตีเนื้อหนังเพื่อควบคุมมันให้อยู่มันจนพวกเขาเป็นอิสระจากมันได้อย่างแท้จริง พวกเขาจึงเกิดผลมาก พวกเขาเลิกเล่นบทเหยื่อ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก แม้โลกใบนี้จะมึดมืด แต่พวกเขาคือแสงสว่างให้โลกใบนี้ พวกเขาคือ เหตุผลที่ยาห์ชัวต้องกลับมา
“นี่ใครหนอมาจากเอโดม สวมเสื้อผ้าสีแดงจากเมืองโบสราห์? นี่ใครหนอสวมเครื่องแต่งกายของท่านอย่างโอ่อ่า และมาด้วยกำลังยิ่งใหญ่ของท่าน? “คือเราเองที่ร้องประกาศความชอบธรรม และมีอานุภาพที่จะช่วยให้รอด” ทำไมฉลองพระองค์ของพระองค์จึงมีสีแดง และเครื่องทรงของพระองค์เหมือนของคนย่ำในบ่อย่ำองุ่น? “เราย่ำบ่อองุ่นตามลำพัง และไม่มีใครจากชนชาติทั้งหลายอยู่กับเราเลย เราย่ำมันด้วยความโกรธของเรา เราเหยียบมันด้วยความพิโรธของเรา โลหิตของเขาเปื้อนอยู่บนเสื้อผ้าของเรา และเราทำให้เครื่องแต่งกายของเราเลอะไปหมด เพราะวันแห่งการแก้แค้นอยู่ในใจเรา และปีแห่งการไถ่ของเรามาถึง เรามองดู แต่ไม่มีใครช่วยเหลือ เราประหลาดใจ แต่ไม่มีผู้เกื้อหนุน แขนของเราเองจึงนำการช่วยกู้มาให้เรา และความโกรธของเรานั้นเกื้อหนุนเรา เราเหยียบชนชาติทั้งหลายลงด้วยความโกรธของเรา เราทำให้เขาเมาด้วยความพิโรธของเรา และเราเทโลหิตของพวกเขาบนแผ่นดินโลก” ข้าพเจ้าจะกล่าวให้คิดถึงความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์ และกิจการอันน่าสรรเสริญของพระยาห์เวห์ ตามทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์ประทานแก่พวกเรา และตามความดีใหญ่ยิ่งที่มีต่อวงศ์วานของอิสราเอล ซึ่งพระองค์ประทานตามพระกรุณาของพระองค์ และตามความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์ เพราะพระองค์ตรัสว่า “แท้จริงคนเหล่านี้เป็นชนชาติของเรา เป็นบุตรที่ไม่ประพฤติคดโกงต่อเรา” พระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขา พระองค์ทุกข์พระทัยในความทุกข์ทั้งหมดของเขา แล้วทูตสวรรค์ที่อยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ช่วยพวกเขาให้รอด พระองค์ทรงไถ่เขาด้วยความรักและความสงสารของพระองค์ พระองค์ทรงยกพวกเขาขึ้นและหอบเขาไปตลอดกาลก่อน”
อิสยาห์ 63:1-9 THSV11
พระเมสิยาห์ผู้เป็นเจ้าบ่าวกลับมาด้วยความเดือดดาลต่อมาร ซาตาน เพื่อปกป้องคนกลุ่มนี้ พระองค์ทรงทุกข์พระทัยในความทุกข์ทั้งหมดของพวกเขา พระองค์ไถ่พวกเขาไว้ด้วยความรัก และพระองค์ทรงพาพวกไปกับพระองค์ ผมอธิษฐานขอให้พวกเราจะได้อยู่ร่วมเป็นพยานในเหตุการณ์นี้ด้วยให้มากที่สุด และในวันนั้นเราจะทราบว่า พระองค์รักเรามากแค่ไหน และที่พระองค์ทรงรักเรามากนั้นก็เพราะ เราได้แสดงความรักที่มีต่อพระองค์ อย่างเต็มกำลังด้วยเช่นกัน พระองค์ ได้กล่าวถึง คนกลุ่มนี่ว่า “ แท้จริงคนเหล่านี้เป็นชนชาติของเรา เป็นบุตรที่ไม่ประพฤติคดโกงต่อเรา ”
ชาโลม
เอลเดอร์ โป้ง
EP8 “Because we are grieved that we created them.”
(EN) Genesis 6:5-8
And YAHWEH saw that the evil of man was great on the earth, and every imagination of the thoughts of his heart was only evil all the day long. And YAHWEH sighed with sorrow that He had made man on the earth, and He was grieved to His heart. And YAHWEH said, I will wipe off man whom I have created from the face of the earth, from man to beast, to the creeping thing and to the birds of the heavens; for I repent that I made them. And Noah found grace in the eyes of YAHWEH.
This is the most heart-wrenching scripture. What made Yahweh regret creating mankind? That’s right, because during Noah’s time, people chose to sin and loved wickedness entirely. Only Noah and his family pleased Yahweh, certainly because Noah was not like most people of that time. Now, let’s look at the scripture for the end time and see how likely it is that this world in the end time will be like Noah’s age, just as Yahshua warned the people of the end time.
Revelation 12:7-12
And war occurred in Heaven, Michael and his cherubs making war against the dragon. And the dragon and his cherubs made war, but they did not have strength, nor yet was place found for them in Heaven. And the great dragon was cast out, the old serpent being called the devil, and, Satan; he deceiving the whole inhabitable world was cast out onto the earth, and his messengers were cast out with him. And I heard a great voice in heaven, which said: Now is come the salvation, and the power and the kingdom of our Elohim, and the dominion of his Messiah: because the Accuser of our brethren is cast out, the
one who accuses them day and night before our Elohim. And they overcame him because of the blood of the Lamb, and because of the Word of their testimony. And they did not love their soul even until death. Because of this, be glad, the heavens and those dwelling in them. Woe to the ones dwelling on the earth, and in the sea, because the devil came down to you having great anger, knowing that his time is short!
When we read the scripture in Revelation 12, do we see anything familiar? Yes, this is another important scene because Satan will come down to dwell among humans, just like in the time of Noah.
Genesis 6:1-4
And it came about that men began to multiply on the face of the earth, and daughters were born to them. The sons of the Elohim saw the daughters of the men, that they were good, and they took wives for themselves from all those whom they chose. And YAHWEH said, My Spirit shall not always strive with mankind; in their going astray he is flesh. And his days shall be a hundred and twenty years (times). The nephilim were in the earth in those days, and even afterwards when the sons of the Elohim came in to the daughters of the men, and they gave birth to them; they were the heroes who existed from ancient time, men of renown.
Elder Don shared at Hayahad School that he believes that in the very end, it will be the time when Yahweh allows the power of Satan to dominate the earth to the fullest extent. According to Revelation chapter 12, it is highly likely that humanity will see a real Satan, but sadly, the remaining humans will bow down to worship those fallen angels, not because they do not know who they are, but because the majority of the surviving humans will fear the fallen Satan so much that they will have to submit to them completely. This represents the most disgraceful moment in the history of this world.
Only a handful of people can stand and fight against Satan, as I mentioned to you yesterday that in the end time, people will be scarcer than gold. How rare it will be to find those who truly love and are faithful to Yahweh. This is the way of the righteous: to stand firm and not worship Satan, even if it is difficult or may cost them their lives. It is similar to the time of Noah, when only Noah’s family was found favorable in the eyes of Yahweh.
Revelation 12:10-12
And I heard a great voice in heaven, which said: Now is come the salvation, and the power and the kingdom of our Elohim, and the dominion of his Messiah: because the Accuser of our brethren is cast out, the
one who accuses them day and night before our Elohim. And they overcame him because of the blood of the Lamb, and because of the Word of their testimony. And they did not love their soul even until death. Because of this, be glad, the heavens and those dwelling in them. Woe to the ones dwelling on the earth, and in the sea, because the devil came down to you having great anger, knowing that his time is short!
Do you see? They are able to overcome the satan because they have Yahshua within them. With their testimony in cooperation with the Holy Spirit, they can truly conquer various sins, so death no longer threatens them. They are not afraid of anything anymore but are filled with love and faith in the promises of Yahweh to the fullest.
Revelation 13:10
If anyone gathers captivity, into captivity he goes. If anyone will kill by a sword, by a sword he must be killed. Here is the patience and the faith of the saints.
Even when they are forced into a corner, no matter how much, they still remain loyal to their Bridegroom.
Revelation 14:9-13
And a third cherub followed them, saying in a great voice, If anyone worships the beast and its image, and receives a mark on his forehead, or in his hand, he also shall drink of the wine of the anger of YAHWEH having been mixed undiluted in the cup of His wrath. And he will be tormented by fire and brimstone before the holy cherubs and before the Lamb. And the smoke of their torment will rise forever and ever. And those worshiping the beast and its image have no rest night and day, even if anyone receives the mark of its name. Here is the patience of the sanctified ones; here are the ones keeping the commandments of YAHWEH, and the faith of Yahshua. And I heard a voice out of Heaven saying to me, Write: Blessed are the dead, the ones departing in the Master from now on. Yes, says the Spirit, they shall rest from their labors, and their works follow with them.
No matter how full of injustice the world is, no matter the coercion and persecution, no matter how much the world changes or how much power Satan wields, they cannot abandon their adherence to the Torah. They do not compromise until the very last drop. They maintain their loyalty to their master Yahweh with all their might. They are well prepared to get through the darkest times because they know how to overcome the sins of the flesh that had ensnared them in the past. But they have been liberated by the blood of Yahshua and achieved victory along with the Holy Spirit of Yahweh that dwells within them. They train themselves every day to overcome various weaknesses and choose to live according to the Holy Spirit, so that nothing can make them afraid anymore.
Romans 8:37-39
But in all these things we are more than conquerors through Him loving us. For I am persuaded that neither death, nor life, nor cherubs, nor rulers, nor armies, nor things present, nor things to come, nor height, nor depth, nor any other thing created will be able to separate us from the love of YAHWEH in Messiah, Yahshua, our Master.
They are the first fruits of Yahshua, who is the first fruit of Yahweh, who has redeemed them from the earth. They will live their pure lives; they will choose to live lives that honor Yahweh with all their strength.
Revelation 14:1-5
And I saw, and behold, the Lamb standing on Mount Zion! And with Him were a hundred and forty four thousands, with the name of His Father having been written in their foreheads. And I heard a sound out of Heaven, as a sound of many waters, and as a sound of great thunder. Also I heard a sound of harpers harping on their harps. And they sing as a new song before the throne, and before the four living creatures and the elders. And no one was able to learn the song except the hundred and forty four thousands, those having been redeemed from the earth.
These are the ones who had not become defiled, for they are pure. These are the ones following the Lamb wherever He may go. These were redeemed from among men being the first-fruits to YAHWEH and to the
Lamb. And no decoy was found in their mouth, for they are unmarked before the throne of YAHWEH.
All of this did not happen overnight, but comes from preparing life and practicing to beat the flesh to control it until they are truly free from it. They then become very fruitful. They stop playing the victim role but are filled with love. Even though this world may be dark, they are the light for this world. They are the reason why Yahshua must return.
Isaiah 63:1-9
Who is this who comes from Edom with crimson garments from Bozrah, this One adorned in His clothing, inclining in His great power? It is I, to speak in righteousness the GreatY’shua*! Why is Your clothing red, and Your garments like one who treads in the winepress? I have trodden the winepress, I alone, and no man of the peoples was with Me. And I will tread them in My anger, and trample them in My fury; and their juice shall be spattered on My garments; and I will pollute all My clothes. For the day of vengeance is in My heart, and the year of My redeemed has come. And I looked, and no one was helping. And I was astonished that no one was upholding. Then My own arm saved for Me, and My fury upheld Me. And I tread down peoples in My anger, and made them drunk in My fury. And I poured their juice to the earth. I will mention the mercies of
YAHWEH, the praises of YAHWEH, according to all that YAHWEH has benefited us, and the great good to the house of Israel, by which He benefited them according to His mercies, and according to the multitude of His loving-kindness. For He said, Surely they are My people, sons that do not lie, and He became to them a Savior. In all their affliction, He was not a foe; and the Messenger of his Face saved them. In His love and in His pity He was their kinsman-redeemer. And He bore them up, and lifted them up all the days of old.
The Messiah, the Bridegroom, returns with anger towards the devil, Satan, to protect this group of people. He suffers in their suffering, redeems them with love, and takes them with Him. I pray that we will bear witness to this event as much as possible, and on that day we will know how much He loves us, and that He loves us greatly because we have also shown our love for Him to the fullest. He referred to this group of people saying, “Surely they are My people, sons that do not lie.”
Shalom
Elder Pong
Congregation of YHWH, Thailand ชุมชนของพระยาห์เวห์ แห่งประเทศไทย
