
The Faith EP 1 “เชื่อหรือไม่ว่าคุณอาจไม่เชื่อ”
(TH) สวัสดีครับวันนี้เรามาถึงซีรีส์อันใหม่น่ะครับ ผมขอใช้ชื่อซีรีส์นี้ว่า “The Faith ใช่แล้วครับเราจะมาเจาะลึกถึงคำว่า “ความเชื่อ” กัน เรามาดูกันก่อนว่าความเชื่อแท้จริงแล้วมันหมายถึงอะไรกันแน่
EP ที่ 1 นี้ชื่อว่า “เชื่อหรือไม่ว่าคุณอาจไม่เชื่อ?“
‘ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่หวังไว้ เป็นความแน่ใจในสิ่งที่มองไม่เห็น’
ฮีบรู 11:1
ทราบมั้ยครับว่าบางทีเมื่อเรามาพิจารณาดูชีวิตของเราดีๆ เราอาจพบว่า เราไม่ได้มีความเชื่อในหลายๆสิ่งที่เรารู้ หรือ บางครั้งในเรื่องที่เราทำ เราก็อาจจะทำไปโดยเราไม่ได้เชื่อมันจริงๆ และเรื่องนี้หลังจากที่ผมเริ่มเข้าใจว่าแท้จริงความเชื่อคืออะไร นี้คือสิ่งที่ผมสังเกตุเห็นคือ ความยากในการที่ผู้เชื่อในพระยาห์เวห์ จะเจอปัญหาใหญ่ในการ “ ยอมรับความจริงว่าแท้จริงเขาอาจจะยังมาไม่ถึงความเชื่อในเรื่องนั้น ๆ จริงๆ “ จึงเป็นสาเหตุให้เขาเลยยังทำสิ่งนั้นไม่ได้หรือยังไม่ได้ทำเลย หรือ ทำครึ่งๆกลางๆ
ก่อนอื่นเราต้องเห็นก่อนว่ากรณีของบางวิถีชีวิตหรือการกระทำใดๆก็ตาม บางครั้งอาจเกิดขึ้นได้โดยปราศจากความเชื่อ จริงๆ มาดูข้อพระคำข้อนี้กันครับ
‘เหตุฉะนั้นให้เรามุ่งประพฤติในสิ่งซึ่งทำให้เกิดความสงบสุขและความเจริญแก่กันและกัน อย่าทำลายสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างเพราะเห็นแก่อาหารเลย อาหารทุกอย่างปราศจากมลทินก็จริง แต่การกินอาหารซึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นสะดุด ก็เป็นสิ่งไม่ดี เป็นการดีที่จะไม่กินเนื้อสัตว์หรือเหล้าองุ่นหรือทำสิ่งใดๆ ที่จะเป็นเหตุให้พี่น้องสะดุด จงให้ความเชื่อของท่านเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องระหว่างท่านกับพระเจ้า ใครไม่มีเหตุติเตียนตัวเองในสิ่งที่ตนเห็นชอบแล้วนั้นก็เป็นสุข แต่คนที่มีความสงสัยอยู่นั้น ถ้าเขากินก็มีความผิด เพราะเขาไม่ได้กินตามที่ตนเชื่อ ทั้งนี้เพราะการกระทำใดๆ ที่ไม่ได้เกิดจากความเชื่อก็เป็นบาปทั้งสิ้น’
โรม 14:19-23
เห็นมั้ยครับนี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคแรกครับในเรื่องการไม่กินเนื้อสัตว์ที่ขายในตลาดเพราะพวกเขากลัวว่าแม่ค้าจะเอาเนื้อที่ผ่านการถวายรูปเคารพแล้วมาขายในตลาด พวกเขาไม่ไว้ใจแม่ค้าจึงตัดสินใจไม่กินเนื้อสัตว์เสียเลย ดังนั้นเปาโลจึงสรุปว่า ถ้าอะไรก็ตามที่เรายังไม่ได้เชื่อ อย่าทำเพราะมันเป็นบาป นั่นหมายถึง แท้จริงในกรณีนี้มีบางคนไม่สามารถทานอาหารที่มีเนื้อสัตว์ได้เพราะเขาเชื่อว่ามันผ่านการไหว้รูปเคารพมา และแม้จะมีบางคนไปถึงความเชื่อว่า เราสามารถกินได้เพราะใจเราไม่ได้นมัสการรูปเคารพเหล่านั้น และเราไปซื้อหาจากตลาดตามปกติ ไม่ได้ตั้งใจจะกินของที่ผ่านการเซ่นไหว้มาและไม่สามารถพิสูจณ์ได้ว่าเนื้อชิิ้นไหน ไหว้มาหรือไม่ไหว้มา เมื่อใจเราบริสุทธิ์ ก็ไม่ใช่ปัญหา สรุปง่ายๆคือ เราทำดีที่สุดแล้วและที่สำคัญเรื่องการห้ามกินของเซ่นไหว้ โดยเนื้อแท้คือ ความเชื่อในการกินของเหล่านั้น หาใช่ ผลจากการกินของเหล่านั้นจริงๆ แต่ในเมื่อบางคนเขาไม่สามารถข้ามจุดนี้ไปได้ ถ้าเขาจะเลือกไม่กินก็ไม่ผิดอะไร และถ้าเขากินเพราะเขาเชื่อว่ามันผิดแล้วยังกินอยู่ ก็เป็นบาปในใจเขาได้จริงๆนั่นเอง
มาถึงตรงนี้เลยทำให้เราเข้าใจในอีกมิติด้วยว่า บางครั้งเราก็อาจจะทำอะไรไปโดยไม่เชื่อหรือไม่มีศรัทธาในสิ่งนั้นๆ และในอีกมิติที่ลึกลงไปอีก ก็คือ เพราะเราไม่มีความเชื่อ ในเรื่องนั้นๆ เราจึงยังไมได้เริ่มทำนั่นเอง
เพราะใน ฮีบรู 11:1 บอกเราว่า
‘ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่หวังไว้ เป็นความแน่ใจในสิ่งที่มองไม่เห็น’
นั้นเลยเป็นเหตุให้เราสามารถสังเกตุได้ว่า บางครั้งที่เรายังไม่ทำอะไร ที่ควรจะทำ หรือ ไม่ได้เลิกทำอะไรที่ ไม่สมควรจะทำ นั่นเพราะ “เรายังไม่มีความเชื่อ“ ในเรื่องนั้นๆ นั้นเอง
ความน่าสนใจ ใน EP ที่ 1 ก็เลยเป็นเรื่องของการที่คุณสามารถยอมรับ confess ได้หรือไม่ว่า ในบางครั้งเราก็ยังไม่มีความเชื่อในบางเรื่องนั่นเอง เช่น บางคนยังไม่เชื่อเรื่อง วันสะบาโต บางคนไม่เชื่อเรื่องวันสะบาโตวันเสาร์ บางคนไม่เชื่อเรื่องการรักษาเทศกาล บางคนไม่เชื่อการแต่งกายให้ตรงตามโทราห์ ผู้ชายขายาว ผู้หญิงกระโปรงยาวเท่านั้น บางคนไม่เชื่อเรื่องการกินตามเลวีนิติ บางคนไม่เชื่อเรื่องการอยู่ร่วมกันเป็นชุมชน
บางคนไม่เชื่อเรื่องรางกายเยี่ยวยาตัวเองได้ และอื่นๆอีกมากมาย นะครับ นั่นเป็นสาเหตุให้พวกเราแต่ละคนทำได้ในบางเรื่องและไม่ได้ทำในบางเรื่อง หรือทำทุกเรื่องแบบครึ่งๆกลางๆ บางคนทำเฉพาะต่อหน้าที่ประชุม แต่พออยู่คนเดียวก็ไม่ทำ นั่นเพราะ เขายังไม่มีความเชื่อนั่นเอง
เป็นไงครับพอจับสังเกตุได้บ้างมั้ยครับ ว่าความเชื่อ เป็นเรื่องง่ายๆ ทื่คนมากมายไม่ค่อยรู้นะครับ แต่พวกเราจะค่อยๆ เข้าใจความเชื่อที่แท้จริงให้สำเร็จให้ได้ในที่สุด
ชาโลมครับ
เอลเดอร์โป้ง
Congregation of YHWH, Thailand ชุมชนของพระยาห์เวห์ แห่งประเทศไทย
ขออภัยในความผิดพลาด ทางเราได้ทำการแก้ไขการจัดเรียนหน้าในหนังสือ The gates of hell shall not prevail against her ให้ถูกต้องแล้ว